Time Lapse Video คืออะไร ?
ทามแล็ปวิดีโอ คือวิดีโอที่ย่นย่อระยะเวลา สิ่งที่มีการดำเนินการไปอย่างช้าๆ โดยนำเพิ่มความเร็ว ให้เร็วขึ้น เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ในเวลาอันสั้นสำหรับการรับชม เช่น การถ่ายภาพดอกไม้ผลิบานอย่างช้าๆ ทำให้เห็นภาพดอกไม้บานในระยะเวลาอันสั้นได้รวดเร็วขึ้น ทามแล็ปวิดีโอ เป็นเทคนิคที่ทำให้เราสามารถศึกษารายละเอียดของกระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ เกินกว่าที่ตาคนเราจะสังเกตเห็นได้ เช่น การเคลื่อนไหวของพืช เช่น การบาน/หุบของดอกไม้, การเลื้อยพันของไม้เถา, การงอกของเมล็ด, การเคลื่อนที่ของดาว, การเคลื่อนที่ของเมฆ, การเน่าของผลไม้, การก่อสร้าง,การเคลื่อนไหวของฝูงชน เป็นต้น
Time-lapse ทำงานอย่างไร ?
ทามแล็ป คล้ายกับการกดปุ่มเดินหน้าอย่างเร็วมากเหมือนกับการกรอเทปวิดีโอเดินหน้า (Fast Forward) บนเครื่องเล่นวีดีโอหรือดีวีดี ที่สามารถย่นย่อเวลาจาก นานนับชั่วโมง วัน สัปดาห์ เดือน หรือ ปี ให้ย่นย่อเหลือเพียงไม่กี่วินาที หรือไม่กี่นาที
ทามแล็ป เป็นเทคนิคการทำภาพยนต์ ที่มีการบันทึกภาพแต่ละเฟรมในความเร็วที่น้อยกว่าการเล่นภาพยนต์มาก เมื่อเล่นภาพยนต์ ภาพที่เห็นจึงปรากฎด้วยความเร็วสูงขึ้นมาก คล้ายกับการย่นย่อเวลาให้เร็วขึ้นนั่นเอง
ปัจจุบันเราสามารถสร้างภาพแบบทามแลปได้ง่ายขึ้นด้วยกล้องดิจิตอล หรือกล้องวิดีโอ หรือโทรศัพท์ที่สามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่น อย่าง iPhone หรือ แทปเล็ต สมาร์ทโฟนจำพวกแอนดรอยก็สามารถหาดาวโหลด โปรแกรมมาติดตั้งในเครื่องถ่ายภาพออกมาเป็นวิดีโอ โดยไม่ต้องตัดต่อโปรแกรมแม้แต่น้อย
จะถ่ายภาพนิ่งมาทำ Time Lapse video ต้องเตรียมตัวอยางไร ?
ก่อนอื่นก็ต้องมีกล้องถ่ายภาพ มีขาตั้งกล้อง มีสายลั่นชัตเตอร์แบบตั้งเวลาได้ มีขาตั้งกล้องที่แข็งแรง และที่สำคัญต้องมีความรักในการที่จะสร้างสรรค์งาน มีเวลาในการถ่ายภาพพอสมควร เพื่อจะได้ถ่ายภาพหลายๆภาพแบบต่อเนื่องใช้ระยะเวลานาน และนำภาพมาต่อเนื่องตัดต่อบนโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ ซึ่งงานที่ผ่านมาผมใช้ระยะเวลาในการถ่ายภาพ ตัดต่อ อัพวิดีโอขึ้นยูทูปประมาณ 2 วัน กับการเรียนรู้ลองผิดลองถูก
ต้องถ่ายภาพจำนวนกี่ภาพจึงจะนำมาทำทามแล็ปวิดีโอได้ ?
อืม!!!! คำถามนี้เป็นคำถามที่ดี ( จะไม่ดีได้ไง ก็ชงเอง ตบเอง) แต่จริงๆ เป็นคำถามที่ผมไม่ได้เตรียมไว้ตั้งแต่ต้น ความจริงความตั้งใจของผม เกิดจากการดูวิดีโอ การถ่ายภาพแบบทามแล็ปของคนอื่น บนยูทูป แล้วอยากถ่ายบ้าง แต่ติดตรงไม่มีสายลั่นชัตเตอร์ เมื่อเดือนที่ผ่านมาไป กทม. ก็เลยแว๊บไปซื้อมาหนึ่งเส้น สายลั่นชัตเตอร์บ้าอะไร เส้นละ สี่พันเจ็ด (canon TC-80N) แต่ตั้งใจไว้แล้ว กัดฟัน เอาก็เอา พอไปซื้อแล้วถึงรู้ว่าสายลั่นชัตเตอร์แบบตั้งเวลาได้ ต้องใช้กับกล้องรุ่นโปร พอซื้อมาก็ใจตุ๋มๆ ต่อมๆ แล้วเราจะใช้ได้ไหมเนี่ย พอเปิดช่องด้านข้างของ 7 D ดูถึงรู้ว่ามีช่อง ค่อยยังชั่วหน่อย ใช้ได้ ความจริงมีรุ่นของเลี่ยนแบบจากจีน ก็ใช้ได้ (ข้อมูลเพิ่มเติม)
พอได้สายลั่นชัตเตอร์มาก็คิดว่าจะถ่ายอย่างเดียวไม่ได้วางแผนก่อน พอตอนมาตัดต่อวิดีโอถึงรู้ว่าภาพที่ถ่ายมาเป็นชั่วโมงนั้น พอทำทามแลปวิดีโอแล้วได้ระยะเวลาไม่ถึงนาที จึงต้องไปถ่ายเพิ่มเติม เพราะผมเลือกเพลงทีใส่ประกอบลงไปในภาพยาวประมาณ 5 นาที ดังนั้นเราต้องเข้าใจเรื่องเฟรมภาพและระยะเวลาก่อน
ถ้าเราต้องการนำเสนอภาพระยะเวลา 5 นาที 1 นาทีมี 60 วินาที รวมแล้วเท่ากับ 60 วินาที ทีนี้เราต้องเข้าใจ ฟอร์แมตวิดีโอก่อนว่าจะเลือกฟอแมตไหน ระหว่า NTSC ซึ่งมี 30 ภาพต่อวินาที หรือระบบ Pal ซึ่งบ้านเราใช้ระบบนี้ ก็จะมีเฟรมเท่ากับ 25 เฟรมต่อวินาที หรือจะเลือกรูปแบบภาพยนตร์ ก็จะมี 24 เฟรมต่อวินาที
ดังนั้นในงานนี้ต้องการความยาววิดีโอ 5 นาที ก็ต้องคำนวน
5 นาที X 60 วินาที x 24 เฟรม ก็เท่ากับ 7200 ภาพ
ว๊าว! เยอะจัง อย่างนี้ม่านชัตเตอร์จะพังไหมเนี่ย
ถ้าอย่างนั้น ต้องตั้งความละเอียดภาพเท่าไรถ้าต้องการทำวิดีโอแบบ Full High-Definition ?
ก่อนอื่นเราก็ต้องรู้ก่อนว่า วิดีโอแบบ Full HD มีความละเอียดเท่าไร ซึ่งก็คือ 1920 X 1080 และแบบ HD 1280×720 ดังนั้นกล้องความละเอียด 18 ล้านพิกเซลของกล้องผมถ่ายขนาด Size S(small) ยังเหลือเฟือเลย แต่ว่า jpeg s นั้นบีบอัดมากทำให้คุณภาพภาพลดลง ในงานนี้ผมจึงเลือกขนาดเป็น M กับ L ซึ่งก็คือ 9 ล้าน กับ 18 ล้านพิกเซล
จะเลือกโลเกชั่นในการถ่ายอย่างไร ?
ผมเลือกสถานที่ถ่ายที่มีการเคลื่อนตัวของเมฆเยอะๆ เพราะดูในวิดีโอตัวอย่างแล้วสวยดี เลยเลือกใช้เลนส์วายขนาด 10-22 ของแคนนอน เนื่องจากเป็นการลองทำจึงใช้สถานที่ถ่ายแถวบ้าน เลือก ริมแม่น้ำแควน้อยบ้าง ในสวนที่บ้านบ้าง บางทีก็ที่ระเบียงบ้าน
ตั้งค่าที่กล้องอย่างไร ?
เป็นการลองผิดลองถูกเพื่อการเรียนรู้จริงๆ งานชิ้นนี้ ช่วงแรกที่ผมลองถ่ายช่วงพระอาทิตย์ตกดินที่ริมแม่น้ำแควน้อย ผมตั้งค่า ISO 100 Auto Aperture โดยตั้งรูรับแสงไว้ที่ F 8 ให้ความเร็วชัตเตอร์เปลี่ยนไปตามค่าแสง เพราะถ่ายบนขาตั้งกล้อง ปรากฏว่าได้สภาพแสงที่เปลี่ยนไป แต่กล้องก็ยังรับแสงได้ปกติ ถึงแม้แสงจะมืดลง ภาพในกล้องก็ไม่มืดซึ่งน่าจะผิดคอนเซ็ปที่ต้องการให้เห็นสภาพแสงค่อยๆ มืดลง ส่วนภาพในสวนช่วงกลางวิดีโอ ผมตั้งแบบแมนนวล โดยวัดแสงนอมอล แล้วตั้งค่าระยะห่างระหว่างแต่ละภาพที่ 15 วินาทีบ้าง 20 วินาทีบ้าง โดยตั้งทิ้งไว้ประมาณ 1 ชัวโมง จะเห็นได้ว่าบางภาพเจ้าตัวแสบวิ่งมาเล่นกับกล้อง บังหน้ากล้อง ยกมือสองนิ้วบ้าง ตอนแรกก็ว่าเค้าว่ามาทำงานเราเสีย แต่ก็คิดว่าถ้าอย่างนั้นจับใส่ไปซะเลยดีกว่า แปลกดี และการที่ตั้งค่าแบบแมนนวล บางช่วงมีเมฆมาบังแสงมืด ภาพก็จะมืดตามไปด้วย ดังนั้นพอสรุปได้ว่า ถ้าต้องการถ่ายเพื่อให้เห็นสภาพแสงที่เปลี่ยนไป ก็ควรจะตั้งค่าแบบแมนนวล
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.gotoknow.org/posts/506741
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น