Google AdSense คือบริการจาก Google ที่ให้ผู้ที่มีเว็บไซต์ สามารถหารายได้โดยการนำ Code ที่ได้จากการสมัครเป็นสมาชิกของ Google มาใส่ไว้ที่เว็บไซต์ของตนเอง ซึ่ง Code นั้นจะเป็น โฆษณาที่ส่งมาจาก Google โดยโฆษณานั้น ๆ จะเป็นโฆษณาที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์ของคุณ ตัวอย่างเช่นถ้าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว โฆษณาที่ส่งมาจาก Google ก็อาจเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับ โรงแรม,สายการบิน เป็นต้นโฆษณาที่ส่งมาจาก Google นั้น ๆ มีทั้งแบบ Text ,รูปภาพ และมีหลายขนาด ให้คุณได้เลือก นอกจากนั้นยังสามารถเลือกรูปแบบสีได้ตามความต้องการ เพื่อความเหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณแล้วโฆษณาต่าง ๆ เหล่านั้นมาจากไหน ??? หลายคงอาจสงสัย โฆษณาต่าง ๆ เหล่านั้นมาจากการทำ Google Adwords ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริการของ Google ที่ให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่ต้องการขายสินค้าหรือบริการต่าง ๆ โฆษณาสินค้าของตนเอง ผ่าน Search Engine ของ google รวมถึงเว็บไซต์อื่นๆ ที่นำ Google Adsense ไปติด เพื่อให้โฆษณาของตนเองอยู่ในตำแหน่งที่เด่น (เมื่อ Search ใน Google) กว่าข้อมูลอื่นที่ได้ผลลัพท์จากการค้นหา
สรุปหลักการง่ายๆ : Google AdSense เป็นวิธีหาเงินง่ายๆ ด้วยเว็บไซต์/บล็อก โดยการนำโฆษณาที่ได้จาการสมัคร AdSense มาวางไว้ที่หน้าเว็บไซต์/บล็อกของคุณ เพื่อให้ผู้ชมเข้ามาดูหรือเข้ามาคลิก คุณก็ได้เงินทุกๆ ครั้งที่มีการคลิกโฆษณาหรือแสดงโฆษณานั้น แม้จะไม่มีการซื้อขายใดๆ เกิดขึ้นก็ตาม ยิ่งมีผู้เข้ามามากและคลิกที่โฆษณามาก คุณก็ได้เงินมากตามไปด้วย
หากคุณพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนอนาคตคุณให้ดีขึ้น โดยที่
1. ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
2. ไม่ต้องเสียเวลาเข้าอบรม
3. ไม่ต้องเสียค่ารถค่าเรือเดินทาง
4. ไม่ใช่การซื้อของ
5. ไม่ใช่การขายของ
6. ทุกขั้นตอนการทำฟรีหมด พร้อมคำแนะนำอย่างละเอียดยิบ ไม่มีกั๊ก ไม่มีหวงความรู้ เผยแพร่จากประสบการณ์ตรง
7. คุณเป็นเจ้าของ 100% (สามารถพัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆ ตามความต้องการ)
8. สามารถพิสูจน์เห็นผลได้จริง ฯลฯ
วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558
วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558
วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558
4 ความลับที่ธนาคารไม่เคยบอก เวลาไปฝากเงิน
4 ความลับที่ธนาคารไม่เคยบอก เวลาไปฝากเงิน
คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการนำเงินไปฝากธนาคารเพราะเชื่อว่าปลอดภัย เงินต้นไม่หาย แถมได้ดอกเบี้ยอีกต่างหาก และในปัจจุบันธนาคารต่างๆ ก็ออกผลิตภัณฑ์มากมายเพื่อดึงดูดให้เรานำเงินไปฝาก ยิ่งฝากมากยิ่งได้รับผลประโยชน์มาก โดยไม่เคยบอกเราเลยว่า เราจะเสียอะไรไปบ้างหากเรานำเงินออมทั้งหมดไปฝากไว้กับธนาคาร วันนี้เราจะมาเปิดเผยความลับทั้ง 4 กัน
1. ยิ่งฝากนานเงินยิ่งหาย
จากความเชื่อที่ว่าฝากแบงค์เงินต้นไม่หาย แถมได้ดอกเบี้ยสบายจะตาย เรื่องนี้มันถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะเงินต้นไม่หาย แต่มูลค่าเงินลดลงตลอดเวลาเนื่องจากเงินเฟ้อ
แล้วเงินเฟ้อคืออะไร??? เงินเฟ้อก็คือ ภาวะที่ราคาของสินค้าต่างๆ สูงขึ้น ทำให้มีเงินเท่าเดิมแต่ซื้อสินค้าได้น้อยลง หรือสรุปง่ายๆ คือมีเงินเท่าเดิม แต่มูลค่าของเงินลดลง เงินเฟ้อเฉลี่ยของไทยอยู่ที่ประมาณ 3% แต่ดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไปในปัจจุบันมักจะต่ำกว่า 3% เมื่อหักลบกันแล้ว มูลค่าของเงินก็ยังคงน้อยลงอยู่ดี
2. เสียโอกาสในการให้เงินทำงานแทนเรา
ข้อดีของเงินฝากคือ สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและยามฉุกเฉินได้ทันที (ไม่รวมเงินฝากที่มีเงื่อนไขพิเศษ) แต่การฝากเงินมากเกินความจำเป็นทำให้เราเสียโอกาสนำเงินส่วนเกินไปลงทุนสร้างผลตอบที่ดีให้กับเราในอนาคต
หลายคนกลัวคำว่าลงทุน เนื่องจากมีความไม่แน่นอนและอาจขาดทุนได้ แต่จากสถิติพบว่าการลงทุนในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น โอกาสขาดทุนก็จะน้อยลงตามไปด้วย ดังนั้นยิ่งเริ่มลงทุนเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเวลาลงทุนนานขึ้น โอกาสขาดทุนน้อยลง และเงินสามารถทำงานสร้างรายได้แทนเราได้นานขึ้นด้วย
3. ความฝันต่างๆ อาจจะไม่เป็นความจริง
ทุกคนมีความฝันของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเกษียณก่อนกำหนด เที่ยวรอบโลก มีบ้านหลังใหญ่ ส่งลูกเรียนเมืองนอก ความฝันเหล่านี้จะเป็นจริงได้จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก หลายคนคิดว่าพยายามเก็บเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะเอาเงินไปทำฝันให้เป็นจริงในวันข้างหน้า แต่การทำเช่นนี้อาจทำให้ความฝันเป็นจริงได้ยากมากหรือไม่มีวันเป็นจริงเลย จากเรื่องเงินเฟ้อในข้อแรก เราจะเห็นว่าฝากเงินในแบงค์ ยิ่งทำให้มูลค่าเงินลดลงทุกวัน เก็บเท่าไหร่ก็ไม่พอค่าใช้จ่ายอยู่ดี ดังนั้นควรแบ่งเงินไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับเรา และนำผลตอบแทนไปทำความฝันให้เป็นจริงในวันข้างหน้า
4. มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้เงินคืนหากแบงค์ล้ม
เราเชื่อว่าฝากเงินไว้กับธนาคารไม่ต้องกลัวเงินต้นหาย แต่ในความเป็นจริงถ้าแบงค์เกิดเจ๊งขึ้นมาอย่างเช่นในปี 40 เราจะเอาเงินคืนจากใคร หลายคนบอกว่ามีพระราชกฤษฎีกาคุ้มครองเงินฝากยังไงก็ได้คืนทั้งหมด
มันใช่!!! ถ้าเป็นเมื่อก่อน
แต่ปัจจุบันพระราชกฤษฎีกาคุ้มครองเงินฝาก ไม่ได้คุ้มครองเงินเต็มจำนวนอีกต่อไป โดยวงเงินคุ้มครองจะค่อยๆ ลดลง ตามรูป
จากข้อมูลข้างต้น มันแปลว่าเงินต้นเราไม่ได้ปลอดภัย 100% แบบที่เราคิดอีกต่อไป
จะเห็นว่าการฝากเงินมากเกินความจำเป็นอาจจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นเราควรจัดสรรเงินให้เหมาะสมทั้งการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เงินสำรองในยามฉุกเฉิน และการลงทุนเพื่อให้เงินทำงานสร้างความมั่งคั่งให้เราในอนาคต
การปั่นจักรยานแบบ Interval ลดน้ำหนักได้เร็ว 3 เท่าตัว
การปั่นจักรยานแบบ Interval ลดน้ำหนักได้เร็ว 3 เท่าตัว
การปั่นจักรยานได้รับการยืน ยันจากหลายๆคนแล้วว่ามันช่ว ยลดน้ำหนักได้จริงๆ เป็นกีฬาที่อาจจะต้องลงทุนอ ุปกรณ์หน่อย แต่ก็ครั้งเดียวจบและเป็นกี ฬาที่เวริ์คมากสำหรับการลดน ้ำหนัก ไม่ต้องอาศัยทักษะมาก จะปั่นกลางวันหรือกลางคืนก็ ได้ ไม่ต้องรอเพื่อน ปั่นคนเดียวก็ได้เช่นกัน แต่สำหรับการจะปั่นจักรยานใ ห้ได้ผลเพื่อลดน้ำหนักและเป ็นพื้นฐานที่ดีสำหรับนักปั่ น มันก็มีเทคนิคอยู่เล็กน้อยครับ ขอทำความเข้าใจกับรูปแบบการ ออกกำลังกายก่อนดีกว่า เอาแบบที่คุ้นหูๆกัน แต่บางทีอาจจะยังไม่เคยรู้ว ่ามันคืออะไร
1 การออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอ ( Cardio ) เป็นการออกกำลังกายแบบพื้นฐ านทั่วๆไป คือการออกกำลังกายแบบต่อเนื ่องทั่วๆไป เช่นออกไปวิ่งด้วยความเร็วค งที่ไปเรื่อยๆ หรือการปั่นจักรยานแบบเรื่อ ยๆเปื่อยๆ ใช้ความเร็วคงที่เน้นแต่จำน วนระยะทางเป็นหลัก การปั่นจักรยานแบบนี้ก็สามา รถช่วยลดน้ำหนักได้ แต่มันอาจจะยังไม่มีประสิทธ ิภาพเต็มที่ เพราะมันไม่มีเรื่องของหัวใ จมาเกี่ยวข้อง ไม่มีความเครียดการเต้นของห ัวใจเป็นไปแบบคงที่ ซึ่งการออกกำลังกายแบบนี้มั นก็ลดน้ำหนักได้เฉพาะตอนที่ เรากำลังออกกำลังกายอยู่ แต่เมื่อหยุดปั่นหยุดวิ่งกา รเผาผลาญก็ลดลง แต่ก็ดีที่ไม่เครียด ปั่น ชิวๆไปเรื่อยๆ
2 การอออกกำลังกายแบบอินเทอร์ วอล ( Interval) เป็นการออกกำลังกายสำหรับนั กปั่นที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือมือใหม่ที่ต้องการปั่นเ พื่อปูพื้นฐานให้เป็นนักปั่ นชั้นเซียนในอนาคต การปั่นจักรยาน หรือออกกำลังกายแบบ Interval เป็นการออกกำลังกายแบบ หนักสลับกับเบา พักระยะสั้นๆ ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีการเผา ผลาญพลังงานที่สูง และมันก็จะเผาผลาญแบบต่อเนื ่องต่อไปอีกหลายชั่วโมงแม้ข ณะที่เราหยุดออกกำลังกายแล้ วก็ตาม
การฝึกปั่นจักรยานแบบ อินเทอร์วอล แบบคร่าวๆ ที่ โค๊ชดังอย่าง Chris Carmichael จาก Bicycling.comแนะนำเอาไว้ก็ให้ทำตามดังนี ้ครับ เราจะต้องแบ่งการออกกำลังกา ยแบบเป็น Set คล้ายๆเวลาไปออกกำลังกาย เล่นกล้ามใน ฟิตเนส
ปั่นแบบหนักๆด้วยความเร็วสั ก 2 นาที
ปั่นเบาๆช้าๆลง อีก 2 นาที
ปั่นหนัก 1 นาที
ปั่นเบา 1 นาที
ปั่นหนัก 30 วินาที
ปั่นเบา 30 วินาที
ปั่นแบบออกแรงสุดๆ เหมือน สปริ๊นตืเข้าส้นชัยอีก 15 วินาที
ปั่นเบาๆ อีก 5 นาที
รวมเวลาทั้งหมดประมาณ 12 นาที ซึ่งจะนับเป็น 1 Set พอดี
สำหรับมือใหม่ ให้ลองฝึก อินเทอร์วอล สัก 2 set ส่วนนักปั่นที่ชำนาญแล้วก็ใ ห้ลองปั่นสัก 5-6 set แล้วก็สลับกับการปั่นแบบปกต ิทั่วๆไป หากเป็นไปได้ควรมี ไมล์แบบวัด หัวใจ ช่วยด้วยก็จะทำให้การปั่นชั วร์มากขึ้น เพราะเราจะรู้ขีดจำกัดตัวเอ ง
การออกกำลังการด้วยการปั่นจ ักรยานแบบ Interval นั้นตามทฤษฎีแล้วมันจะช่วยใ ห้การเผาผลาญพลังงานในร่างก ายสมบูรณ์กว่าและรวดเร็วมาก กว่าแบบปกติ 3-9 เท่า ในระยะเวลาเท่ากันกับการออก กำลังกายแบบปกติทั่วไป เช่นแบบ คาร์ดิโอ เพราะการออกกำลังกายแบบ อินเทอร์วอล จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของหั วใจ มีการบริหารการเต้นหัวใจให้ เร่งเร็วสลับช้า
ทำให้เกิดการเผาผลาญมากกว่า ปกติและยังต่อเนื่องอีกด้วย ซึ่งจากากรทดลองแล้วมันก็ได ้ผลแบบนั้นจริงๆ โดยการให้นักปั่นสองกลุ่ม ปั่นจักรยานแบบปกติ และแบบ อินเทอร์วอล โดยในเวลาสองอาทิตย์ ทั้งสองกลุ่มออกกำลังกายต่อ วันในเวลาเท่าๆกัน ระยะทางเท่าๆกัน แต่ผลปรากฎว่ากลุ่มที่ปั่นแ บบ อินเทอร์วอลล์ สามารถลดไขมัน และน้ำหนักตัวลงได้มากกว่า 3-4 เท่าตัว
ได้เทคนิคดีๆแบบนี้ไปแล้ววั นนี้ลองฝึกปั่นแบบ อินเทอร์วอล กันเลยดีกว่าครับ เพื่อนๆในกลุ่มจะได้แปลกใจว ่า ทำไมเราลดหุ่นได้เร็วกว่าเค ้า ทั้งๆที่ปั่นระยะทางเท่าๆกั น เวลาก็ใช้พอๆกัน
ข้อมูลอ้างอิง : bicycling.com
การปั่นจักรยานได้รับการยืน
1 การออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอ ( Cardio ) เป็นการออกกำลังกายแบบพื้นฐ
2 การอออกกำลังกายแบบอินเทอร์
การฝึกปั่นจักรยานแบบ อินเทอร์วอล แบบคร่าวๆ ที่ โค๊ชดังอย่าง Chris Carmichael จาก Bicycling.comแนะนำเอาไว้ก็ให้ทำตามดังนี
ปั่นแบบหนักๆด้วยความเร็วสั
ปั่นเบาๆช้าๆลง อีก 2 นาที
ปั่นหนัก 1 นาที
ปั่นเบา 1 นาที
ปั่นหนัก 30 วินาที
ปั่นเบา 30 วินาที
ปั่นแบบออกแรงสุดๆ เหมือน สปริ๊นตืเข้าส้นชัยอีก 15 วินาที
ปั่นเบาๆ อีก 5 นาที
รวมเวลาทั้งหมดประมาณ 12 นาที ซึ่งจะนับเป็น 1 Set พอดี
สำหรับมือใหม่ ให้ลองฝึก อินเทอร์วอล สัก 2 set ส่วนนักปั่นที่ชำนาญแล้วก็ใ
การออกกำลังการด้วยการปั่นจ
ทำให้เกิดการเผาผลาญมากกว่า
ได้เทคนิคดีๆแบบนี้ไปแล้ววั
ข้อมูลอ้างอิง : bicycling.com
การปั่นดูด
การปั่นดูด
การปั่นดูด (Vacuum) หรือ ดราฟท์ (Draft) เป็นการปั่นตามกลุ่มที่มีผู้แหวกลมให้ จะสามารถทำให้เราเซฟแรงได้ถึง 30% จึงสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในการทุ่นแรงของนักปั่นคนถัดไปโดยการขี่ตามหัว โดยขี่ตามให้ล้อหน้าห่างจากล้อหลังของคันแรกประมาณ 50 ซม. แต่ต้องขี่ด้วยความระมัดระวังอุบัติเหตุเป็นอย่างมากโดยไม่ขี่ให้แนวล้อล้ำ ขึ้นไปคู่กัน หรือถ้าลมมาในแนวด้านข้างรถทีตามก็สามารถเบี่ยงมาอยู่ในแนว ที่รถคันหน้าบังลมให้ได้พอดีเช่นกัน หน้าที่ของคันที่เป็นหัวลากจะต้องมีความรับผิดชอบคันที่ตามมาด้วยเพราะคัน หลังจะมองไม่เห็นทางด้านหน้า หัวลากคันหน้าต้องคอยใช้สัญญานมือบอกเมื่อมีหลุมข้างหน้า,วัตถุบนถนน,หรือ กำลังจะแซงจักรยานคันอื่น
การปั่นลักษณะแบบนี้ มีกฏอยู่ว่า
1. ไม่ควรดูดชิดล้อคนด้านหน้าเกิน 50 ซม. ..ระยะ 50 ซม.ถือว่าเป็นระยะที่ดูดได้เห็นผลที่สุด แต่ก็อันตรายมากที่สุดด้วย..เพราะระยะเบรคไม่พอ ถ้าเกิดคันหน้าเกิดเบรคฉุกเฉิน คนดูดอาจชนกันเองล้มระเนระนาด เทกระจาด บาดเจ็บล้มตายได้..ทางที่ดีมือใหม่ควรดูดห่างล้อระยะ 1 เมตร..จะปลอดภัยกว่า..
2. ไม่ควรขี่ดูด ล้อตรงล้อ ควรเฉียงออกทางขวา หรือซ้ายของรถคันข้างหน้า..
3. ระหว่างที่ขี่ดูด อย่ามองแต่ล้อหลังของคนข้างหน้า ให้มองไปไกลๆด้วย..มองสลับตลอดเวลา
4. ระหว่างที่ขี่ดูด ไม่ควรจับตำแหน่งอื่นของแฮนด์ ให้จับตำแหน่งที่ฮูดและมือเบรคเท่านั้น..
5. ต้องเรียนรู้สัญญาณมือ..เพื่ออ่านสัญญาณมือจากคนด้านหน้า..
6. ควรมีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรเหม่อลอย..อย่าคิดถึงเรื่องอื่นๆ..ถ้าจิตใจไม่พร้อม ไม่ควรไปปั่นดูดเพื่อน..
7. ไม่ควรชวนผู้อื่นพูดคุย โม้เสียงดังระหว่างขี่ตามกลุ่ม เพราะอาจทำให้ผู้อื่นเสียสมาธิได้..
8. ควรกะระยะและการใช้เกียร์ที่สัมพันธ์กับกลุ่ม อย่าใช้เกียร์ที่แหวกกลุ่ม เพราะอาจจะต้องมีการฟรีขาบ่อย และต้องออกตัวบ่อย..อาจทำให้ขี่ไม่นิ่ง..และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้..
9. มือใหม่ไม่ควรไปอยู่หน้ากลุ่ม หรือกลางกลุ่ม เพราะความสามารถในการขี่ยังไม่นิ่งพอ อาจเกี่ยวผู้อื่นล้มได้ ควรไปอยูด้านหลังสุดของกลุ่ม ..และศึกษาเรียนรู้จากเพื่อนๆที่อยู่ด้านหน้าไปก่อน..
10. เวลาปั่นในกลุ่มไม่ควรดื่มน้ำมือขวา เพราะถ้าเกิดฉุกเฉินระหว่างดื่มน้ำ ต้องเบรค ถ้าเบรคด้วยมือซ้าย ซึ่งเป็นเบรคหน้า..อาจทำให้หัวทิ้มตาลังกา ตายหงส์ ตายห่านได้..
11. ถ้าสภาพร่างกายไม่พร้อม หรือไม่สบาย หรือซ้อมมาไม่ถึง..ไม่ควรเข้าดูดกลุ่มปั่นด้วยความเร็ว..ควรแยกตัวไปปั่นด้านหลังสุด..
12. หากจะยก หรือยืนโยก ให้สังเกตุดูคนด้านข้าง และด้านหลังด้วยว่ามีระยะที่ปลอดภัยหรือป่าว…
13. ไม่ควรแดกเหล้าแล้วมาปั่นกับกลุ่ม..(อันนี้ขอพูดหยาบหน่อยเพราะเคยเจอมาเอง แม่งแดกเหล้าเมา..ดีที่มันล้มกลิ้งคนเดียวไม่เกี่ยวใครล้ม)
14. เวลาขี่เป็นกลุ่ม ควรเชื่อฟังสัญญาณมือจากคนข้างหน้า..อย่าบ้าพลัง..คึกคะนอง..
15. กลับไปอ่านทุกข้ออีกครั้ง แล้วปฏิบัติให้ได้..
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)