วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

“5 เหตุผลที่หญิงควรมี SEX”

 “5 เหตุผลที่หญิงควรมี SEX”


5 เหตุผลที่หญิงควรมี SEX อย่างสม่ำเสมอ
จากแบบสอบถาม “5 เหตุผลที่หญิงควรมี SEX” ส่วนใหญ่ตอบว่าเป็นการแสดงความรัก อยากมีความสุข อยากตื่นเต้น อยากผูกพันกับแฟน ตนเองมีความต้องการ แฟนมีความต้องการ อยากมีลูก ฯลฯ แต่หากถามเหตุผลทางการแพทย์ ยังเหตุผลดีๆ อีกมากมาย วันนี้ทางเว็บ สาระดี.เน็ต ขอนำเสนอ “5 เหตุผลที่หญิงควรมี SEX”
1. SEX ทำให้ผู้หญิงสวยขึ้น เพราะ sex จะไปกระตุ้นรังไข่ให้หลั่งฮอร์โมนเพศหญิง เอสโทรเจนเพิ่มขึ้น ผิวพรรณของคุณผู้หญิงที่มี sex เป็นประจำมักเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ผมดกหนามันเป็นเงางาม ริ้วรอยบนใบหน้าเกิดช้า ทำให้ดูอ่อนเยาว์ งานวิจัยจากประเทศสก็อตแลนด์ พบว่าผู้หญิงควรมี sex 4 ครั้งต่อสัปดาห์
2. SEX ลดความอ้วน การมี sex แต่ละครั้งนานประมาณ 30 นาที เท่ากับวิ่งทาง ไกลในระยะ 2-3 กิโลเมตร สามารถเผาผลาญพลังงานไปอย่างน้อย 85 แคลอรี่ ทั้งยังช่วยลดไขมันตัวร้าย เพิ่มไขมันตัวดี ทำให้หุ่นดี ไร้ไขมันส่วนเกิน
3. SEX ทำให้ผู้หญิงบุคลิกดีขึ้น นอกจากฮอร์โมนเพศหญิงเอสโทรเจนที่เพิ่มขึ้น sex ยังเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย DHEA (Dehydroepiandrosterone) และเทสทอสโทโรน(Testosterone) ทำให้คุณผู้หญิงคล่องแคล่ว ปราดเปรียว มั่นใจ ส่งผลให้บุคลิกดีขึ้น
4. SEX ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน เหตุผลจากการเพิ่มของฮอร์โมน คอร์ติโคสเตอรอยด์จากต่อมหมวกไต ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สามารถต้านการอักเสบ ลดความเจ็บปวด นอกจากนั้น sex ยังเพิ่มฮอร์โมนออกซิโตซินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ผู้หญิง ตกอยู่ในห้วงความรัก และฮอร์โมนแห่งความสุขเอ็นโดรฟีน ซึ่งรวมกันแล้วสามารถลดความเจ็บปวดได้ชะงัด
5. SEX ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืม เนื่องจาก sex ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น เลือด สูบฉีดขึ้นไปเลี้ยงสมอง ให้ออกซิเจนแก่สมอง เก็บเอาของเสียออกไปได้ดีขึ้น คุณผู้หญิงที่มี sex สม่ำเสมอมักมีความจำดี ไม่ขี้หลงขี้ลืม คิดอะไรก็ออก บอกอะไรก็เข้าใจง่าย
© บทความโดย : สาระดี.เน็ต

SaTu in minecraft

วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2558

10 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับ Facebook คนทำเพจ

สำหรับคนทำเพจทั้งหลาย อาจจะสงสัยว่าทำไมคนกดไลค์เพจเราตั้งเยอะ แต่โพสอะไรไปไม่ค่อยมีคนเห็นเลย วันนี้ ป๋ารัก TechMthai ขอแง้มความจริงบางส่วนที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการคัดเลือกโพสให้เด้งขึ้นหน้านิวฟีดผู้ใช้จาก Facebook เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนทำเพจ นักเขียน นักการตลาด ฯลฯ
10928867_10153431146086729_3271413550372568595_n
เราจะโชว์โฆษณาที่ท่านชื่นชอบ มากกว่าสิ่งที่ท่านไม่สนใจ

10 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับ Facebook สำหรับนักการตลาด คนทำเพจ

1.Facebook มีวิธีการคัดเลือกโพสให้แสดงผลในหน้าวอลผู้ใช้เรียกว่า algorithm (อัลกอริธึมนี้ต่อไปป๋าขอเรียกย่อๆว่าอัลกอ) เปรียบเสมือนคนคัดกรองว่า ผู้ใช้คนไหนควรจะได้อ่านโพสไหนบนนิวฟีดของตัวเอง
2.อัลกอ จะเช็คค่าความเชื่อมโยงระหว่างโพสของเพจ โพสของเพื่อน หรือแม้กระทั่งโฆษณา กับผู้ใช้
ก่อนนำโพสขึ้นแสดงบนนิวฟีด กล่าวคือถ้าอัลกอของเฟซมองว่า ผู้ใช้คนนี้สนใจเรื่องอะไร มันจะเน้นเรื่องนั้นให้โผล่ขึ้นมาหน้าวอลเสมอ เช่น ของป๋ารัก เพจคัพซีที่กดไลค์บ่อยๆก็จะเด้งขึ้นมาเป็นประจำ
3.ค่าความเชื่อมโยงอิงจากการปฏิสัมพันธ์ของตัวผู้ใช้ เราไปไลค์เพื่อนคนไหนบ่อยๆ แชทกับเพื่อนคนไหนบ่อยๆ ค่าความเชื่อมโยงของผ้ใช้กับเพื่อนกับเพจก็จะเพิ่ม เฟซก็จะแสดงโพสของเพื่อนคนนั้นบ่อยกว่าคนอื่น ถ้าสังเกตดูดีๆเพื่อนคนไหนที่เราไม่ค่อยไปยุ่งเกี่ยวด้วยก็แทบไม่เห็นบนนิวฟีดของเราเลย
4.เพจเองก็เช่นเดียวกัน ถ้าผู้ใช้กดไลค์บ่อย คอมเม้นท์บ่อย แชร์บ่อย โอกาสที่โพสของเพจจะไปโผล่บนหน้า นิวฟีดของผู้ใช้คนนั้นก็มีเยอะขึ้น (พวกขอสามคำ ใครชอบกดไลค์ หลอกให้กดไลค์ ทำมาเพื่อการนี้นั่นเอง)
5.ประเด็นคืออัลกอนั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และไม่มีใครรู้ด้วยว่า เฟซบุ๊คตั้งค่าเอาไว้ยังไงนอกจาก คนเขียนอัลกอของเฟซบุ๊คเอง อย่างล่าสุดก็ปรับลดการแสดงผลของการโพสรูปภาพลง ทั้งที่ในสมัยก่อน เทคนิคการโพสภาพเรียกไลค์นั้นทำผลงานได้ดีมาก
facebook
เราต้องดูแลความเป็นส่วนตัวของเราเอง แต่เรื่องจะโชว์อะไรหน้านิวฟีด อัลกอ จัดให้

6.เนื้อหาของอัลกอแบบเต็มๆนั้่นลึกมาก(ก.ไกอีก 354 ตัว) จึงขอข้ามไม่พูดในที่นี้ แต่การ บูสโพส หรือ ซื้อ Ads ชนะทุกสิ่ง ต่อให้โพสที่ท่านเขียนดีเลิศขนาดไหน เจอคนซื้อแอดล้านนึงท่านก็สู้ๆไม่ได้ …ยกเว้นท่านบูสโพส 2 ล้านสู้(ฮา)
7.จากข้อ 6 เฟซบุ๊ครู้ดีว่าทุกเพจล้วนอยากให้คนเข้ามาอ่านเยอะๆ จะได้เอาไปขายโฆษณา หรือใช้ในการประชาสัมพันธ์ตัวเอง แต่ขืนปล่อยให้ขายกันเอง Facebookก็ไม่ได้อะไรน่ะสิ เป็นเหตุให้มันกดยอด Reach ตามธรรมชาติให้ต่ำเตี้ยเรี่ยติดดินนั่นเอง ชะเอิงเอย
8.จากข้อ 7 แต่เฟซก็รู้อีกแหละว่า ถ้าเอาแต่หน้าเพจจ่ายเงินขึ้นหน้านิวฟีดรัวๆ เฟซบุ๊คจะกลายเป็นพื้นที่โฆษณาแล้วคนก็จะเบื่อจนเลิกเล่นไป (จำได้ช่วงปี 2013 หรือ ต้น 2014 นี่แหละ โฆษณาขึ้นถี่มาก มากจนอยากเลิกเล่น) Facebookเลยต้องยอมให้โพสที่น่าสนใจเด้งขึ้นหน้านิวฟีดเพื่อให้ผู้ใช้งานได้อ่านกันบ้าง
9.ดังนั้น พอจะสรุปได้ว่า อัลกอของเฟซบุ๊คจะยอมให้เรื่องที่น่าสนใจ เพจที่น่าสนใจ(ผู้ใช้กดไลค์ คอมเม้นท์ คลิกเข้าไปอ่านบ่อยๆ) เด้งขึ้นมาบนหน้านิวฟีดเพื่อดึงลูกค้าเอาไว้ ในเวลาเดียวกันก็เอาโพสที่จ่ายเงินซื้อโฆษณามาแทรก เพื่อให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกว่า Facebook มีแต่โฆษณานั่นเอง
10.สุดท้าย สำหรับเพจที่ร้างไปแล้ว เช่น คนไลค์หลักแสน แต่โพสทีมีคนเห็นหลักพัน ทางเดียวที่จะกู้กลับมาได้คือต้องบูสโพสหรือให้เพจดังช่วยแชร์ (เหมือนรดน้ำให้ต้นไม้ที่จะตาย) เพื่อให้คนเห็น คนกดไลค์ มีปฏิสัมพันธ์กับเพจเสียก่อน แล้วเมื่อเพจมีความน่าสนใจ(คนกดไลค์ คนคอมเม้น คนอ่าน)มากๆเข้า ทีนี้ก็พอจะยืนด้วยขาตัวเองโดยไม่ต้องบูสโพสได้บ้าง

โดน Facebook บังคับใช้ ชื่อจริง ต้องส่งเอกสารอะไรไปยืนยัน?

Facebook ระยะนี้เริ่มดุ ตามล่าให้ผู้ใช้ทุกคนเปลี่ยนเป็นชื่อจริง คนที่ไม่เปลี่ยนจะทำให้ facebook โดนบล็อค จากต้นสังกัดเองโดยตรง ทีนี้มีหลายคนที่แจ้งว่า ชื่อที่ใช้อยู่เป็นชื่อจริงอยู่แล้วแต่ Facebook ไม่เชื่อ(ซะงั้น) ทำให้ต้องส่งเอกสารยืนยันตัวไปให้ Facebook และเอกสารที่ Facebook ยอมรับในการใช้ยืนยันตัวตนมีดังต่อไปนี้ครับ
mark zuck
อยากให้ผมเชื่อก็ส่งเอกสารมาสิครับ

โดน Facebook บังคับใช้ ชื่อจริง ต้องส่งเอกสารอะไรไปยืนยัน?

Facebook มีเอกสาร ยืนยันตัวตน ให้เลือก 3 วิธีโดยเวลายื่นเอกสารให้ปิดข้อมูลที่ไม่ต้องใช้ เช่น หมายเลขบัตรเครดิตหรือหมายเลขประกันสังคมออกก่อนด้วย ข้อมูลทั้งหมดที่ถูกส่งไปจะถูกเข้ารหัสเอาไว้ทำให้ไม่มีใครแอบดูได้นอกจาก Facebook เอง
1. วิธียืนยันตัวตน เฟสบุ๊ค ด้วยเอกสารระบุตัวตนนั้น ต้องออกโดยรัฐบาลและมีข้อมูลชื่อและวันเกิดให้ครบถ้วน
ปกติเพียงส่งบัตรประจำตัวประชาชนไปครั้งเดียวก็เรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไร
  • สูติบัตร
  • ใบขับขี่
  • หนังสือเดินทาง
  • ทะเบียนสมรส
  • ใบเปลี่ยนชื่อ
  • บัตรประกันภัยส่วนบุคคลหรือยานพาหนะ
  • บัตรประจำตัวผู้ไม่ขับขี่ (เช่น บัตรผู้พิการ บัตร SNAP บัตรประจำตัวประชาชน)
  • บัตรสีเขียว ใบขออนุญาตพำนัก หรือเอกสารย้ายถิ่นฐาน
  • บัตรประจำตัวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
2.ใช้ข้อมูลเอกสารระบุตัวตนที่แตกต่างกันสองเอกสาร จากรายชื่อดังต่อไปนี้ 
(เช่น รายการเดินบัญชีของธนาคารและบัตรห้องสมุด ไม่ใช่รายการเดินบัญชีธนาคารสองชุด ชื่อบนเอกสารระบุตัวตนทั้งสองชุดต้องตรงกัน และเอกสารระบุตัวตนชุดหนึ่งต้องมีรูปภาพหรือวันเกิดที่ตรงกับข้อมูลบนข้อมูลส่วนตัวของคุณด้วย)
  • ใบแจ้งยอดเงินฝากธนาคาร
  • บัตรโดยสารรถประจำทาง
  • เช็ค
  • บัตรเครดิต
  • ใบยืนยันการจ้างงาน
  • บัตรห้องสมุด
  • เมล
  • ใบแจ้งการสมัครสมาชิกนิตยสาร
  • บันทึกการรักษาพยาบาล
  • บัตรสมาชิก (เช่น บัตรบำนาญ สมาชิกสหภาพแรงงาน บัตรประจำตัวผู้ประกอบอาชีพ)
  • ตั๋วเช็คเงินค่าจ้าง
  • ใบอนุญาต
  • บัตรนักเรียน
  • สมุดพก
  • บัตรประกันสังคม
  • ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภค
  • รูปภาพหนังสือรุ่น (ภาพสแกนจากภาพจริง หรือรูปถ่ายของหน้าดังกล่าวในหนังสือรุ่น)
3.หากไม่มีเอกสารระบุตัวตนที่แสดงชื่อจริงและรูปภาพหรือวันเกิด ผู้ใช้สามารถส่งเอกสารระบุตัวตนสองเอกสารจากข้อ 2 จากนั้นมอบเอกสารระบุตัวตนที่ออกโดยรัฐบาลซึ่งมีวันเกิดหรือรูปภาพที่ตรงกับข้อมูลบนข้อมูลส่วนตัวไปด้วย facebook ใช้ชื่อจริง เท่านั้น และ facebook จะไม่เพิ่มชื่อหรือข้อมูลอื่นนอกจากเอกสารประจำตัวที่ออกให้โดยรัฐบาลในบัญชีผู้ใช้ของเรา

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

วีธีการแก้เกม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทีมนำจับ เข้าตรวจค้นจับกุมลิขสิทธิ์

image
กฎหมายลิขสิทธิ์ ให้อำนาจแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ในการดำเนินการกับผู้ที่กระทำการละเมิดไว้ แต่ปัจจุบันนี้เจ้าของลิขสิทธิ์บางรายใช้อำนาจทางกฎหมายนี้หาประโยชน์เข้า ใส่ตัวเอง โดยใช้อำนาจทางกฎหมายออกไปจับกุมดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจประเภทร้าน อาหาร ภัตตาคาร สถานบันเทิง ที่ให้บริการฟังเพลงหรือร้องเพลงคาราโอเกะที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
เนื่องจากการกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครองสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์อย่าง เต็มที่ โดยเจ้าของลิขสิทธิ์จึงมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการที่จะกระทำการใดๆ แก่งานของตน เช่น ทำสำเนา ดัดแปลง หรือนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลในเรื่องการคุ้มครองลิขสิทธิ์ และความตกลงระหว่างประเทศด้านลิขสิทธิ์ที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย
ดังนั้น หากผู้ประกอบธุรกิจท่านใดนำงานเพลงไปเปิดให้บริการแก่ลูกค้าโดยไม่ได้รับ อนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ก็จะถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์หรือตัวแทนรับมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์สามารถจับกุม ดำเนินคดีเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำละเมิดได้
อย่างไรก็ตาม การจะจับกุมดำเนินคดีในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ได้นั้น เจ้าของลิขสิทธิ์หรือตัวแทนรับมอบอำนาจจะต้องไปร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ ตำรวจก่อน โดยการเข้าจับกุมทุกครั้งจะต้องกระทำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเจ้าของลิขสิทธิ์หรือตัวแทนไม่อาจดำเนินคดีได้โดยลำพัง
เพราะฉะนั้น หากใครที่ไม่ต้องการที่จะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ก็ควรจะปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย คือ ขอใบอนุญาตประกอบกิจการตามแต่ธุรกิจที่ตนดำเนินการอยู่ให้ถูกต้อง และไม่ควรที่จะลืมการขออนุญาตใช้ลิขสิทธิ์จากเจ้าของลิขสิทธิ์ด้วย แต่เมื่อท่านเจอปัญหาตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ควรมีข้อปฏิบัติดังนี้
1.เมื่อตำรวจเข้าค้นและจับกุมลิขสิทธิ์ ท่านต้องตั้งสติให้ดี อย่าตื่นเต้นจนเกินไป
ติดต่อเพื่อนๆหรือ ญาติ ให้ชวนกันมาให้มากที่สุด ติดต่อผู้รู้ หรือนักกฎหมาย หรือโทรฯปรึกษาโดยทันที
2. ตรวจสอบเอกสารที่ตำรวจและทีมนำจับนำมา ซึ่งจะต้องมีเอกสารดังนี้
การเข้าค้น – ตามปกติต้องมีหมายค้น เว้นแต่ค้นโดยไม่ต้องมีหมาย (กรณีละเมิดลิขสิทธิ์นี้ยากมาก เพราะต้องผ่านการร้องทุกข์ รับมอบอำนาจ พนักงานสอบสวนจะสอบสวนเบื้องต้น ลง ปจว.ก่อนเข้าค้น เสียก่อน) มีรายละเอียดและขั้นตอนปฏิบัติก่อนค้นพอสมควร ใช้เวลา ปฏิบัติทันทีไม่ได้ ส่วนมาก ก็เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ต่างๆ มอบอำนาจให้ บริษัทจัดเก็บบ้าง ผู้แทนบ้าน เข้าแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีให้ พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกำหมาย หากไม่มีหมายค้น มา ก็ปฏิเสธไม่ให้เข้าค้นได้ มีอำนาจป้องกันและต่อสู้ขัดขวางเพื่อปกป้องทรัพย์และสถานที่ได้ด้วย
การจับ – จับตามหมายจับ หรือ จับด้วยเหตุที่ไม่ต้องมีหมายจับ คือ จับขณะกระทำผิดซึ่งหน้า การจับแบบมีหมายก็ต้องผ่านขั้นตอนเหมือนข้อแรก นำหมายจับมาแสดง หากท่านไม่ใช่เจ้าบ้าน ตำรวจต้องมีหมายค้นมาด้วย หากท่านเป็นเจ้าบ้าน หรือ เป็นคู่สมรสมีทะเบียน เป็นผู้ถูกจับก็ไม่ต้องใช้หมายค้น ใช้หมายจับแทนหมายค้นได้เลย หรือ มีพฤติการณ์กระทำผิดแล้วกำลังจะหลบหนี ไม่สามารถออกหมายจับได้ทันท่วงที แต่ต้องมีเหตุออกหมายจับได้ด้วย เขาก็จับได้โดยไม่ต้องมีหมาย อย่างไรก็ตาม แม้ละเมิดลิขสิทธิ์จะเป็นผิดซึ่งหน้า แต่ก็ต้องผ่าน กระบวนการร้องทุกข์ มอบคดี สอบสวนเบื้องต้นมาพอสมควรก่อน ไม่ใช่จะเข้าไปได้เลยในทันที การยืนยันชี้ให้จับกุมโดยอ้างว่าร้องทุกข์ด้วยวาจาไว้แล้ว ยังไม่น่าจะเพียงพอสำหรับคดีลิขสิทธิ์ และสุ่มเสี่ยงต่อการปฏิบัติหน้าทื่ ของ ตำรวจ
หมายศาล ซึ่งเป็นหมายค้น ในหมายศาลจะต้องอ่านดูว่า วันที่ในหมายศาล
หมดกำหนดหรือยัง (เพราะโดยปกติ ศาลจะไม่ออกหมายศาลเป็นเวลาหลายๆวัน)
สถาน ที่ให้เข้าค้น ชื่อร้านถูกต้องหรือตรงกับร้านเราหรือไม่บ้านเลขที่ถูกต้องหรือตรงกับร้าน เราหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ท่านปฏิเสธการเข้าตรวจค้น ถ้ายังไม่ยอมจะเข้ามาในร้าน ให้โทรศัพท์แจ้งตำรวจท้องที่ทันที
บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ,บัตรประจำตัวผู้รับมอบอำนาจ,บัตรประจำตัวผู้รับ
มอบ อำนาจช่วง รูปในบัตรกับตัวจริงต้องเป็นบุคคลคนเดียวกัน และตรงกับที่ระบุในหมายศาล ท่านต้องยอมให้บุคคลดังกล่าวเข้ามาในร้านได้แต่เฉพาะ บุคคลที่มีรายชื่อในหมายศาลเท่านั้น
อ่านข้อกล่าวหาว่า มาค้นในเรื่องอะไร เช่นเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ดูในรายละเอียดว่า ลิขสิทธิ์โปรแกรมซอฟแวร์อะไร ลิขสิทธิ์เกมส์อะไรหรือลิขสิทธิ์เพลงอะไร เพื่อที่จะทราบในขั้นต้นว่า เรามีโปรแกรม หรือซอฟแวร์อะไร ที่เขาจะตรวจค้นเราหรือไม่
ดูการมอบอำนาจว่าถูกต้องหรือไม่ โดยหนังสือมอบอำนาจจะต้องมีการมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์จนถึงผู้รับมอบ อำนาจช่วงคนสุดท้ายโดยไม่ขาดสาย และตรวจสอบหนังสือยืนยันความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ รวมทั้งตรวจสอบบัตรตัวแทนรับมอบอำนาจหรือหนังสือรับรองการเป็นตัวแทนรับมอบ อำนาจที่ออกโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนบัตรประจำตัวประชาชนว่าบุคคลนั้นเป็นบุคคลคนเดียวกับผู้ที่ได้รับแต่ง ตั้งให้เป็นตัวแทนหรือไม่
ถ้าตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่ถูกต้อง ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นการแอบอ้างจับกุมดำเนินคดีละเมิด ลิขสิทธิ์เพลง โดยที่ผู้จับกุมไม่มีอำนาจ แต่หากตรวจสอบแล้วถูกต้อง ก็ต้องยอมรับในการที่จะถูกจับกุม หากผู้ประกอบธุรกิจมีการกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์จริงการมอบอำนาจช่วง ต้องไม่ขาดตอน ถ้าขาดตอนการมอบอำนาจก็ไม่ถูกต้อง การค้นตามหมายศาลก็ไม่ถูกต้อง ท่านมีสิทธิที่ไม่ยอมให้ตรวจค้นได้
3. หลังการตรวจค้น ไม่ว่าจะพบหรือ ไม่พบการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ควรเซ็นชื่อในเอกสารใดๆที่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งให้ท่าน ไม่ว่าจะเซ็นรับทราบ หรือเซ็นยอมรับข้อกล่าวหาหรือเซ็นเพื่อยอมรับว่าไม่มีความเสียหายใดในการ ตรวจค้นครั้งนี้ ก็ตามควรที่จะปรึกษาผู้รู้หรือนักกฎหมายเสียก่อน
4. ในกรณีไม่มีหมายค้นโดยอ้างว่าเป็นความผิดซึ่งหน้า และ /หรือเจ้าของลิขสิทธิ์ได้แจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้วท่านมี สิทธิ์ปฏิเสธการตรวจค้นได้ทันที เพราะกฎหมายข้อนี้
คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ มีความเห็นว่ากระทำไม่ได้เพราะขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตอบข้อหารือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การกระทำดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้โดยรายละเอียดปรากฏตามหนังสือของสำนักงา นกฤษฏีกา เรื่องเสร็จที่ ๔๕๒/๒๕๔๖ โดยมีสาระสำคัญว่า การตรวจค้นจับกุมดังกล่าวไม่เป็นข้อยกเว้นที่ให้อำนาจพนักงานฝ่ายปกครองหรือ ตำรวจจับได้โดยไม่ต้องมีคำสั่งหรือหมายของศาลเนื่องจากมิใช่กรณีเป็นความผิด ซึ่งหน้าหรือมีเหตุจำเป็นอย่างอื่นที่ให้จับได้ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย ซึ่งท่านสามารถนำไปอ้างอิง และโต้แย้งกับผู้ที่มาตรวจค้นจับกุมได้
5. ในกรณีที่มีการพบการละเมิดลิขสิทธิ์
– กรณีที่ท่านมีเจตนาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม
ก็ ควรเจรจากับตัวแทนหรือ ผู้รับมอบอำนาจของเจ้าของลิขสิทธิ์ (อย่าใช้ภาษากฎหมาย) โดยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์การยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย ไม่จำต้องยินยอมในวันที่ถูกจับ(ถ้าหากท่านสามารถประกันตัวในวันที่ถูกจับ ได้) อาจจะยินยอมในวันต่อๆมา
หรือ อาจเปลี่ยนเป็นสู้คดีก็ได้
-กรณีที่ท่านไม่มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ท่านต้องเตรียมประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีต่อไป
6. การประกันตัว
– ปกติการประกันตัวหรือ ปล่อยชั่วคราว เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน หรือ
เจ้า หน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่จะกำหนดวงเงินประกันตัวในกรณีการจับกุมร้านเน็ตและเกมส์ ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ที่ผ่านมามักจะกำหนดในวงเงิน 50,000 บาท ถึง 200,000 บาท แต่ปัจจุบันนี้
ผบ.ตร.ได้มีหนังสือกำชับหน่วยงานของตำรวจให้ ปฏิบัติตามเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยได้ให้กำหนดจำนวนเงินในการประกัน ตัวผู้ต้องหาด้วยเงินสด จำนวน 50,000 บาท(ห้าหมื่นบาทถ้วน) ซึ่งถ้าหากเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนกำหนดเงินประกันเป็นเงินสด สูงกว่า 50,000 บาทท่านมีสิทธิ์ที่จะสอบถามและขอให้ปฏิบัติตามคำสั่งของผบ.ตร.
-การประกันตัวนี้หากท่านไม่สามารถหาบุคคลหรือเงินสดมาค้ำประกันในการปล่อย ตัวชั่วคราวได้ท่านสามารถซื้อประกันอิสรภาพได้ ซึ่งจะเสียค่าใช้จ่ายไม่มากนักซึ่งจะทำให้ท่านพ้นจากการเรียกเงินประกัน จำนวนมากเพื่อบีบให้ยอมความโดยที่ท่านไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ใดๆเลย รายละเอียดตามเวปไซท์ด้านล่างนี้
(จดหมายเลขโทรศัพท์ไว้ด้วยเพื่อจำเป็นต้องใช้ในยามจำเป็น) http://www.viriyah.co.th/customer/cust_product_misc_freedom.asp
7.ว่าถ้ามีอยู่ในเครื่องคอมของเจ้าของร้านทำไมถึงผิด และเก็บไว้อย่างดีลูกค้าไม่มีทางหาเจอเป็นต้น และแม้จะมีอยู่ในเครื่องลูกค้า ก็เป็นเรื่องที่ลูกค้าโหลดไว้ มิใช่เจ้าของร้านโหลดไว้ และทราบได้อย่างไรว่าเจ้าของร้านโหลดไว้ อันนี้เป็นข้อต่อสู้คดีนะครับ
8.ถ้าตำรวจผู้นั้นไม่ยอมรับฟัง หรือบอกว่าหัวหมอ ก็ใช้ไม้ตายสุดท้ายคือสับสวิทย์ไฟลงทันที และถ้าตำรวจบอกว่าต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ฯลฯ ก็รีบให้ตำรวจแจ้งข้อหาและจับกุมเลยครับ (เพราะมันไม่ผิดข้อหานี้เพราะตำรวจถ้าไม่มีหมายศาลแล้ว เมื่อปิดร้าน ไม่มีอำนาจค้นแล้วครับ) เมื่อไม่มีอำนาจย่อมไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐาน ต่อสู้หรือขัดขวางฯลฯ ถ้าถูกตำรวจถูกจับ คนที่จะซวย(ติดคุก)ก็คือตำรวจครับ
9.เมื่อร้านเกมส์เป็นที่รโหฐานแล้ว หากแม้ตอนเข้ามาจะไม่ผิดบุกรุก แต่เมื่อเจ้าของสถานที่บอกให้ออกไป ย่อมต้องออกไปนะครับ ถ้าไม่ออกผิดบุกรุก ตาม ป.อ.มาตรา 364,365 แล้วแต่กรณี
ขอบคุณ http://www.9ta9.com

วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2558

6 ประโยชน์น่ารู้ว่าทำไมหนุ่ม ๆ ถึงควรดื่มเวย์โปรตีน

6 ประโยชน์น่ารู้ว่าทำไมหนุ่ม ๆ ถึงควรดื่มเวย์โปรตีน

เวย์โปรตีน
          ทำได้มากกว่าเสริมล่ำ 6 เหตุผลเด็ด ๆ ที่หนุ่ม ๆ ควรกินเวย์โปรตีนเป็นประจำ

          เวย์โปรตีน เป็นอาหารเสริมที่บรรดาผู้รักสุขภาพและผู้ชายที่ชื่นชอบการออกกำลังนิยมดื่มกันเพื่อเร่งกระบวนการเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่จริง ๆ แล้ว เวย์โปรตีนไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่เอาไว้อัพกล้ามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทว่ายังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งเราได้นำข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของเวย์โปรตีนจากเว็บไซต์ mensfitness.com มาฝากกันด้วยครับ
           ลดไขมันอย่างได้ผล

          นักวิจัยในรัฐมินนิโซตาเผยผลการทดลองหลังจากการดื่มเวย์โปรตีนร่วมกับอาหารปกติเป็นประจำติดต่อกัน 12 สัปดาห์ ร่วมกับการควบคุมอาหารให้กินน้อยกว่าปกติวันละ 500 แคลอรี่ ปรากฏว่าร่างกายสามารถลดไขมันลงไปได้มากถึง 6.1 เปอร์เซ็นต์ และเวย์โปรตีนยังช่วยรักษาสมดุลของกล้ามเนื้อระหว่างการลดอาหารในครั้งนี้อีกด้วย

ประโชน์ เวย์โปรตีน
           เพิ่มขนาดและพละกำลัง

          ใครที่หวังจะเพิ่มพละกำลังและขนาดของกล้ามเนื้อ การดื่มเวย์โปรตีนร่วมกับการออกกำลังกายจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแน่นอน โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเบย์เลอร์ ในรัฐเท็กซัสได้ทำการทดลองกับชายหนุ่มผู้ออกกำลังกายเป็นประจำ 19 คน โดยกลุ่มหนึ่งดื่มเวย์โปรตีนกับเคซีน อีกกลุ่มหนึ่งทานยาหลอก ปรากฏว่ากลุ่มที่ดื่มเวย์โปรตีนกับเคซีนมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่าและมีไขมันน้อยกว่าอย่างชัดเจน ซึ่งทางนักวิจัยยังแนะนำว่าควรดื่มเวย์โปรตีนก่อนออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง จะได้ผลดีที่สุด

           ผอมลงเพราะหิวน้อยลง

          ความหิวทำให้วินัยการกินของเสียไปและเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อ้วนขึ้น แต่ถ้าคุณดื่มเวย์โปรตีนรับรองได้เลยว่าจะรู้สึกหิวน้อยลงแน่ ๆ เพราะมันจะไปลดระดับฮอร์โมน เกรลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวได้ยาวนานถึง 4 ชั่วโมง ตามที่นักวิจัยในออสเตรเลียได้ทดลองไว้ ทีนี้ ก่อนคุณจะทำงานยาว ๆ หรือปาร์ตี้ก็ซดเวย์โปรตีนรองท้องก่อนได้เลยครับ

ประโชน์ เวย์โปรตีน
           ช่วยให้คลายเครียด

          หลาย ๆ คนคิดว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นทางออกที่ดีในการคลายเครียด แต่นักวิจัยจากประเทศเนเธอร์แลนด์พบว่าเวย์โปรตีนทำได้มากกว่านั้น โดยพวกเขาทำการทดลองกับตัวอย่างจำนวน 58 คน ที่ระบุว่ามีความเครียด พบว่าการดื่มเวย์โปรตีนช่วยลดอาการปวดหัวจากความเครียดและผ่อนคลายอารมณ์ได้ ดังนั้นหากคุณกำลังปวดหัวกับเรื่องอะไรบางอย่าง ลองชงเวย์โปรตีนดื่มดูสักแก้ว น่าจะช่วยแก้ปัญหาและดีต่อสุขภาพมากกว่าแอลกอฮอล์นะครับ

           ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง

          แม้มะเร็งไม่ใช่โรคที่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ แต่หากเกิดขึ้นก็คงสร้างความลำบากให้ชีวิตไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่ครอบครัวมีประวัติเคยเป็นมะเร็งมาก่อนแล้ว การหาทางป้องกันเป็นสิ่งจำเป็นมากทีเดียว ซึ่งผลการวิจัยจำนวนมากบ่งชี้ว่าเวย์โปรตีนสามารถช่วยคุณได้ในระดับหนึ่งด้วยการเข้าไปยับยั้งสารก่อมะเร็งในร่างกาย แต่ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อวางแผนการป้องกันให้ถูกต้องด้วยเช่นกัน

ประโชน์ เวย์โปรตีน
           เสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

          นักวิจัยมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ต้า พบทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายอย่างง่าย ๆ ด้วยการดื่มเวย์โปรตีน เพราะเวย์ช่วยยับยั้งกระบวนการสูญเสียกลูต้าไธโอนซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งร่างกายมีแนวโน้มเสียกลูต้าไธโอนจากการออกกำลังกายได้มากกว่าปกติ การดื่มเวย์โปรตีนควบคู่ไปกับการออกกำลังจะช่วยแก้ปัญหาจุดนี้ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

          ไม่น่าเชื่อเลยว่าเครื่องดื่มที่หนุ่มรักสุขภาพทั้งหลายดื่มกันเป็นประจำจะมีประโยชน์กับร่างกายมากขนาดนี้ รู้แบบนี้แล้วก็ต้องลองหาเวย์โปรตีนมาดื่มควบคู่ไปกับการออกกำลังซะแล้วล่ะ

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

วิธีการการปลูกกล้วยกลับหัว

วิธีการการปลูกกล้วยกลับหัว
สมัยนี้วิวัฒนาการมันก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของเกษตรกรรมแล้วด้วยยิ่งมีความก้าวหน้าจากสมัยก่อนเยอะเลย ซึ่งทำให้การทำ อาชีพเกษตรกรรม ง่ายขึ้นเพียงแต่เพื่อนๆไทยอาชีพที่รักในการทำอาชีพนี้จะต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเองเสมอซึ่งความรู้ใหม่ ๆในสายงานนี้จะมีมาอยู่เรื่อย ๆซึ่งข้อมูลใหม่ ๆหาได้จากอินเตอร์เน็ตหรืตามร้านหนังสือ หรือถ้าสะดวกก็ติดตามไทยอาชีพเว็บนี้จะคอยอัพเดทความรู้ใหม่ ๆให้เสมอครับ.....นี้ผมจะพูดถึงการปลูก กล้วย การปลูกกล้วยโดยทั่วไปแล้วจะใช้หน่อในการปลูก ซึ่งการขยายพันธุ์แบบใช้หน่อเป็นที่นิยมกว่าการใช้เมล็ด โดยหน่อที่จะทำการขยายพันธุ์ต่อนั้นจะเรียกว่าหน่อที่สมบูรณ์และมีเหง้าที่สมบูรณ์ด้วย แต่วันนี้ผมจะมาแนะนำการปลูกกล้วยแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใครและมีการทดลองแล้วว่าสามารถปลูกได้และมีผลดีหลายอย่างด้วยกัน...(ข้อดีในการปลูกกล้วยกลับหัวหรือการปลูกพืชตีกลับ)
1.1 ต้นกล้วยจะเตี้ยกว่าต้นกล้วยธรรมดาทั่วไปซึ่งมีผลดีทำให้กล้วยไม่ต้านลมมากและกล้วยจะไม่ล้ม
2.2 แตกหน่อได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราสามารถนำหน่อไปขยายพันธุ์ต่อได้มากขึ้น
3.3 ออกผลผลิตได้เร็วกว่าเดิม
4.3 ลูกกล้วยที่ออกมาจะมีขนาดใหญ่กว่าเดิม
(วิธีปลูกกล้วยกลับหัว) รูปที่2
2.2 เริ่มจากเลือกหน่อกล้วยจากต้นแม่ที่พร้อมจะขยายพันธุ์ เลือกหน่อที่ออกห่างจากลำต้นใหญ่เพื่อให้ได้ส่วนที่เป็นเหง้ากล้วยมากที่สุดเพราะว่าเหง้าเป็นส่วนสำคัญในการปลูกหน่อกล้วย เรียกว่าถ้าได้เหง้ามาครบกล้วยหน่อนั้นยังไงก็จะต้องปลูกขึ้นแน่นอน
2.3หลังจากได้หน่อกล้วยแล้ว วัดจากโคนต้นขึ้นมาประมาณ 20 เซนติเมตร ทำการตัดเอาส่วนที่เกินทิ้งไป
2.4ทำการขุดหลุดให้ใหญ่และลึกกว่าหน่อกล้วยเล็กน้อยและทำการฝังหน่อกล้วยลงไปในดินแบบที่เอาเหง้าชี้ขึ้นฟ้าและเอาโคนจิ้มลงดิน และกลบดินให้มิดต้นหลังจากนั้นก็รดน้ำให้ชุ่มตามทันที
2.5 หลังจากปลูกไปแล้วประมาณ 20 ถึง 25 วัน จะมีหน่อกล้วยงอกขึ้นมาพ้นดิน ทำการใส่ปุ๋ยคอมและปุ๋ยหมักและรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ หน่อกล้วยที่โผล่พ้นดินออกมาจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว หน่อที่แตกออกมาจะมีมากถึงประมาณ 3 ถึง 4 หน่อเลยทีเดียว
2.6เมื่อกล้วยเริ่มเป็นสาว ให้เอาไม้ขนาดเท่าน้ำหัวแม่มือแทงขวางเข้ากลางลำต้นเพื่อให้เป็นการบังคับให้ต้นกล้วยไม่สูงและบังคับให้ต้นกล้วยออกลูกข้างต้น ซึ่งนี่เป็นวิธีบังคับให้ผลกล้วยออกกลางต้น
2.7เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 6 เดือน กล้วยก็จะออกผลให้เก็บเกี่ยว ซึ่งเร็วกว่ากล้วยทั่วไปที่ต้องใช้เวลาถึง 8 เดือนเลยทีเดียว ผลผลิตที่ออกมาก็จะได้มากกว่าการปลูกแบบธรรมดาด้วย ถ้าเครือกล้วยมีขนาดใหญ่ก็ควรที่จะหาไม้ค้ำยันให้ต้นกล้วยด้วย



วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2558

3 เคล็ด(ไม่)ลับ ก้าวแรกสู่การเป็นนักปั่นที่ดี

3 เคล็ด(ไม่)ลับ ก้าวแรกสู่การเป็นนักปั่นที่ดี
"นักปั่นที่ดี" คืออะไร? คำถามนี้อยู่ในหัวผมและพยายามจะสร้างบทความเกี่ยวกับการปั่นให้"ดี"แต่ยังไม่สามารถบ่มออกมาได้ จนมีเพื่อนสมาชิกในเพจแนะนำให้ทำบทความเปี่ยวกับกติกามารยาทสำหรับมือใหม่ ประกอบกับเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมไป"สนามเขียว"สุดยอดฮิตของนักปั่นชาวกรุง เป็นวันที่มีอุบัติเหตุเยอะที่สุดในชีวิต ทั้งกรณีการเสียชีวิตจากการออกกำลัง(หัวใจวายเฉียบพลัน) เกี่ยวกันล้ม ซึ่งมีอยู๋หลายจุด หลายครั้งมาก เยอะจนน่าตกใจ ....ว่าแล้วผมก็จึงค่อยๆลำดับความคิดและบ่มมันออกมาเป็นบทความนี้
นักปั่นที่ดี ....ผมว่าเป็นนิยามของบทความนี้ ผมไม่ได้หมายถึงสุดยอดขาแรง ดาวรุ่งดวงใหม่ แต่ผมว่าหากคุณจะเป็น"นักปั่น" ที่เพื่อนๆทั้งที่รู้จจักและไม่รู็จักรักใคร่ยามปั่นด้วย ยามพบเจอกันในกลุ่มบนท้องถนนรวมกลุ่มกันด้วยความสนุก ขอนำเสนอ 3 เคล็ดที่นักปั่นนำมาระลึกกันเอาไว้เสมอ ก่อนจะก้าวหน้าไปเป็นขาแรง มือโปร ขาโปร เรามาเป็น"นักปั่นที่ดี"กันก่อนดีกว่าครับ
1) "นิ่ง"
ผมขอท้าวความไปถึงคำสอนของอดีตโปรจักรยานชาวอเมริกัน ที่สอนผมเมื่อวันที่ผมออกเสือหมอบมาหนึ่งคัน หมายจะขี่ให้มันส์กับฝรั่งในต่างแดน อดีตโปรเจ้าของร้านจักรยานคนนี้ต้อนรับผมขี่ร่วมกลุ่มด้วยความใจดี แต่ให้ผมขี่กับเค้าและเพื่อนอีกคน สามชีวิตปั่นไปด้วยกัน คุยไปด้วยกัน ระยะทาง 30 ไมล์ อากาศราวๆ 5 องศา บทเรียนแรกๆและการบ้านแรกๆที่เค้าสั่งผมคือ "ไปขี่คนเดียว ขี่ให้นิ่ง" คำว่านิ่งของเค้าคือ ความเร็วนิ่ง รอบขานิ่ง คุมรถให้นิ่ง ซึ่งแน่นอนว่าท่านอาจารย์ให้แบบฝึกหัดผมมาฝึกหลายอย่าง (เอาไว้มาว่ากันโอกาสหน้า) แต่ผมขออธิบายว่าทำไมเราต้อง"นิ่ง"ให้เข้าใจก่อนนะครับ
เรื่องการคุมรถให้นิ่งคงเข้าใจได้ไม่ยาก เวลาเราขี่ร่วมทางกับเพื่อนนักปั่นคนอื่น ทั้งกลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ จะต้องแซงหรือโดนแซง เร็วแค่ไหนไม่เกี่ยว แต่เราต้องเดินทางไปเป็นเส้นตรง เพราะทุกคนกำลังเดินทางร่วมกันในระยะห่างจากพื้นที่ส่วนตัวเพียงไม่กี่เซ็นติเมตร เรากำลังอนุมานว่าทุกคนจะไปบน"เลน"ของตนเอง การที่ขี่แล้วส่ายเป็นงู หมายถึงสภาวะ"คาดเดาไม่ได้"ของคุณ และเมื่อคุณเป็นคนคาดเดาไม่ได้ โอกาสที่จะเดาใจกันผิดแล้วเสย เกี่ยว ชน สี ครูด กันมันก็ตามมา โชคดีเสียทรัพย์ เจ็บหนักซ้ำเคราะห์ไปหลายกรณีคงไม่ต้องพูดเยอะ แล้วพฤติกรรมแบบนี้บอกได้เลยว่าคุณเจ็บไม่เยอะหรอก คนเจ็บหนักๆ คือคนหลังที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวครับ
ต่อมาความเร็วนิ่ง ... หมายถึงการจำกัดย่านความเร็วในการขี่ให้อยู่ในวงแคบที่สุด หากพบว่า av ของการเดินทางคือ 30 ก็ควรจำกัดความเร็วให้อยู่ในขอบเขตุ 29-30 ไปให้นิ่งๆ รักษาระยะห่างให้นิ่ง กรณีเกิดการเบาขา ผ่อนลง ก็ค่อยๆผ่อนลงแล้วค่อยๆกลับเข้าไปใหม่ ทุกครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงความเร็ว จะเกิดระยะห่างที่ไม่คงที่ ซึ่งส่งผลให้คนอื่นขี่ได้ยากขึ้น และยิ่งถ้าเป็นพวก "ปั่นๆหยุดๆ" แบบนี้รับรองว่าคนตามหลังนึกด่าในใจแน่นอนครับ ถ้าคุณไม่สามารถปั่นกับกลุ่มนั้นด้วยความเร็วนั้นให้นิ่งๆได้แปลว่าคุณยังไม่ถึงขั้น มารยาทที่พึงทำคือ ไปอยู่ท้ายสุดครับคุณจะได้สร้างภาระให้เพื่อนน้อยที่สุด
.....ผมอยากให้นึกถึงฝูงปลานะครับ เพราะคำว่า"เปโลตอง"มันแปลว่าฝูงครับ ฝูงปลาตัวเล็ฏๆที่เกาะกันเป็นก้อน ทุกตัวไปในทางเดียวกัน ความเร็ว ที่ว่างคงที่มากที่สุด ถ้ามีซักตัวนึงกำลังยึกยัก หายนะก็ตามมา
2)"สื่อสาร"
กีฬาจักรยานเป็นหนึ่งในกีฬาที่มีเอกลักษณ์ที่สุดด้านการสื่อสาร ลองคิดดูครับ กลุ่มคนร้อยกว่าคนเดินทางไปด้วยกัน 4-6 ชม. ทั้งทีมเดียวกันและต่างทีม คุยกันไปตลอดทาง ไม่มีกีฬาไหนเป็นแบบนี้แล้วครับ เวลาอยู่ในกลุ่ม ลอง"เสื่อสาร"กันซักนิดครับ จะเป็นการทักทายกัน พูดคุยกัน แซวกันบ้างให้สนุกปากก็ได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดของการสื่อสารคือ "ความปลอดภัย" ผมขอแบ่งการสื่อสารเป็นสองแบบตามทฤษฏีการสื่อสารของมนุษย์เราเลยนะครับ
-การสื่อสารแบบใช้ภาษา อันนี้ก็หมายถึงการพูดคุยกันนั่นแหละครับ นอกจากถามราคาของอัพกันแล้ว การส่งเสียงเตือนและสื่อสารช่วยลดอุบัติเหตุได้มากๆ "ขวานะครับ" "หน้าเบา" "รถหลังมา" "ซ้ายว่าง" และอีกมากมายขอให้มันสั้น กระชับ ดังพอจะได้ยินกัน ...ใครสงสัยลองไปดูพวกคลิปโปรที่แข่งๆกันที่เอากล้องติดรถบรรยากาศในกลุ่มมาให้ดู...มันโวยวายกันตลอดครับ ให้เสียงกันว่าใครจะมา จะไป อยู่ไหน อย่าตกใจถ้าคุณขี่อยู่แล้วพบว่านักปั่นเค้าโวยวายกันตลอดทาง ดีกว่าเงียบแล้วเดาใจกันเองครับ เดาถูกก็ดีไป เดาผิดก็โครม คงไม่คุ้มนะครับ
-การสื่อสารแบบไม่ใช้ถ้อยคำ อันนี้แหละครับสำคัญที่สุด ... ผมไม่ขอเรียกว่า"ภาษามือ" เพราะผมขี่จักรยานที่ไทย อเมริกา ฮ่องกง ... ไม่มีที่ไหนใช้เหมือนซักที่ แม้แต่ไทยเอง ต่างกลุ่มกันก็ไม่เหมือนกัน อเมริกาเองต่างทีมก็มีสัญญาณต่างกัน สิ่งสำคัญคือต้องสื่อสารออกง่ายๆ เอาไว้จะมาจั่วหัวเรื่อง"สัญญาณ" กับ "ภาษา" มือกันอีกที ผมไม่ค่อยสนับสนุนการที่ทุกคนต้องเอาตารางสสัญญาณมือเพื่อการจราจรมาแล้วต้องท่องให้ได้มาใช้ได้ ผมสนับสนุนวิธีการง่ายๆครับ เอาให้มันดูออกเป็นพอ ที่สำคัญ ช่วยกันทำ ช่วยกันส่งต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องถึงกับทำจนมือคุมรถไม่ได้หรอกครับ เรื่องนี้ผมฝากอีกประเด็นคืออย่าตกใจเวลามีคนมาแตะตัวนะครับ เป็นปกติมากๆของจักรยาน ยิ่งขาแรงๆมือเทพๆระยะห่างของเค้าจะน้อยมากๆเพราะเค้านิ่งกันมาก สามารถจับตัวกันได้ บางคนตกใจโดนคนจับตัวส่ายไปมาเกี่ยวกันล้มมีมาแล้ว การแตะตัวกันเป็นการบอกให้รู้ว่ามีคนอยู่ตรงนั้น อย่าเบียดเข้าไป เป็นการขอทาง หรือแม้แต่ ดันออกไปด้านหน้าเพื่อเปิดช่องให้ตนเอง เป็นเรื่องปกติครับ ผมไม่ได้บอกให้ทำนะครับ แค่ให้รู้ว่าอย่าตกใจ
.....เรื่องการสื่อสารสรุปง่ายๆก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้คุณไม่ต้องเดียวดายบนถนนครับ ทำยังไงก็ได้ให้เพื่อนคุณไปด้วยกันได้ นั่นแหละครับคือหัวใจของมัน
3)"แบ่งปัน"
จักรยานเป็นกีฬาที่แปลก(อีกแล้ว) คนแข่งด้วยกัน ไปด้วยกัน สามารถแบ่งปันกันได้ แม้แต่ระดับอาชีพเคยมีภาพของคู่แข่งแบ่งน้ำกันดื่มก็มีมาแล้ว ลองมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ แบ่งปันกันสักนิดบนถนน ให้ในสิ่งที่คุณมี และคุณจะได้รับในสิ่งที่คุณต้องการ ไม่เฉพาะสิ่งของอย่างพวกน้ำ อาหาร ยางใน สูบ เท่านั้น แต่รวมถึงแบ่งปัน"แรง"ที่มี หากคุณมีแรงเหลือพอที่จะแบ่งเพื่อน อย่าอายที่จะขึ้นไปช่วยลากกลุ่ม แรงมีแค่ 20 วินาที ก็ดีกว่าไม่ช่วยเลย ขอแค่รักษามารยาทกันสักนิด(อันนี้ก็คงต้องยกยอดไปเจาะกันโอกาสหน้า) ผมเชื่อว่าไม่มีใครด่าหรอกครับว่าคุณเอาเปรรียบ แค่คุณขึ้นไปคนอื่นก็รับรู้ว่าคุณกำลังแบ่งปันช่วยเหลือกันแล้ว
และถึงคุณจะ"แรงหมด"ไม่มีเหลือแบ่งเพื่อน หมกเกาะดูดติดไปด้วยกับเค้า ก็ไม่ได้แปลว่าคุณเห็นแก่ตัวนะครับ แรงมันไม่มี ได้เท่าไหนก็เท่านั้น ที่คนเค้าไม่ชอบคือหมกนิ่งแสยะยิ้มรอโอกาสหน้าเส้นได้จังหวะคว้าตะลุมพุกมาตีหัวเพื่อน อ้าวไหนว่าหมด แบบนี้เรียกว่าเห็นแก่ตัวครับ ....แต่ลองสลับขึ้นไปช่วยบ้าง 20 วินาทีก็ยังดี คนที่ได้คือคุณเองครับ เพราะออกแรงมาสุขภาพก็อยู่ท่ตัวเรา 20 วินาทีไม่ได้ก็ 5 วินาที บอกกันหน่อย ไมน่าเกลียดแน่นอนครับ
ถึงคุณจะหมกอยู่ท้าย ถ้าคุณเป็นนักปั่นที่มีประสพการณ์แล้ว ...สิ่งที่คุณแบ่งเพื่อนได้คืำ "กำลังใจ"ครับ กลุ่มหรือทีมที่สามัคคีกันดี มักจะมีนักปั่นคอยอยู๋หลังกลุ่ม คอยไปด้วยกันกับคนที่กำลังหมดแรง ให้กำลังใจ พาเพื่อนไปให้ถึงที่หมาย แม้แต่คอยจังหวะ ไล่เก็บตกลากกลุ่มหลุดมาก็มี
.....เคล็โไม่ลับง่ายๆเพียง 3 ข้อนี้ หากท่านทำได้เป็นธรรมชาติ ท่านจะดูเป็นนักปั่นที่น่าเกรงขามขึ้นในทันที เพราะส่วนมากนักปั่นที่ได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่ พี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ จะต้องผ่านจุดเหล่านี้เสียก่อน แต่ ณ โลกยุคปัจจุบันนี้ (โดยเฉพาะสังคมกรุง) โอกาสจะได้เรียนรู้เรื่องเหล่นี้อาจจะยาก ต่างคนต่างมา มาถึงก็มาร่วมกันปั่น รวมตัวกัน ความเสี่ยงจึงเกิดขึ้่นเนื่องจากขาดประสพการณ์และการเรียนรู้
Velopedia หวังเป็นอย่างยิ่งว่า 2 หัวข้อนี้ จะสร้างความ"รื่นรมณ์"ในการปั่นจัรกยานของทุกท่าน และช่วยให้เราทุกคนร่วมทางกันไปด้วยกันอย่างปลอดภัย
ทิ้งท้ายก่อนจบบทความนี้ ขออินเตอร์สักนิดนะครับ อดีตโปรที่อธิบายผมและจำได้ดีเลย "To be a good cyclist is not about how fast you are, but it is about how good you ride your bike" แปลกันง่ายๆว่า
"จะเป็นนักจัักรยานที่ดีไม่เกี่ยวว่าคุณขี่ได้เร็วแค่ไหน แต่อยู่ท่คุณขี่จักรยานของคุณได้ดีแค่ไหน"

10 ข้อในการ ปรับรถจักรยาน ให้ถูกวิธี

10 ข้อในการ ปรับรถจักรยาน ให้ถูกวิธี

ปรับรถจักรยาน ให้ถูกวิธี
นักจักรยานทุกคนไม่ว่าจะเป็นมือเก่าหรือมือใหม่จะมีปัญหาซ้ำๆ กันเหมือนๆ กันเกี่ยวกับจักรยานที่ตนเองขี่ทุกวัน เกี่ยวกับการ ปรับรถจักรยาน จะให้เหมาะสมกับการขี่ของตนเองไม่น้อยกว่าการเลือกซื้อจักรยานเท่าไหร่นัก แต่การ ปรับรถจักรยาน จะเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่าการเลือกซื้อเสียอีก และอะไรคือปัญหาเหล่านั้น เราลองมาดูกันว่าการที่เราจะปรับรถให้ถูกต้องนั้นควรจะทำอย่างไร เพื่อเพื่อนๆ Men.MThai จะได้ประสิทธิภาพในการขี่ที่สูงสุด
ปรับรถจักรยาน ให้ถูกวิธี
ปรับรถจักรยาน ให้ถูกวิธี
ปรับรถจักรยาน ที่ขนาดตัวถัง (Frame Size)
ดังที่หลาย ๆ คนได้กล่าวไว้ว่าขนาดตัวถังต้องสมส่วนกับความสูงของผู้ใช้ โดยการทดสอบง่าย ๆ ให้เราใส่รองเท้าจักรยานแล้วขึ้นไปคร่อมตรงกลางของท่อบน ขณะยืนบนพื้นราบถ้าช่วงห่างระหว่างสุดเป้าการเกงกับท่อนบนอยู่ประมาณ 2 นิ้วก็ถือว่าใช้ได้ เพราะสามารถปรับอานให้สูงพอดีได้โดยไม่เกินความยาวของหลักอาน และช่วงความยาวของของตัวถังก็ค่อนข้างจะเอื้ออำนวยให้ช่วงจับแฮนด์เป็นไปอย่างเหมาะสม ที่สำคัญขอเตือนว่าความผิดพลาดขั้นพื้นฐานก็คือการซื้อรถที่ตัวถังใหญ่เกินไปหรือเล็กเกินไปจนไม่สามารถแก้ไขให้ขี่ได้อย่างสบาย เพราะฉะนั้นจงอย่าเชื่อผู้ขายที่ไม่มีความรู้ แต่พยายามจะยัดเยียดสินค้าให้กับลูกค้า เพราะนั้นจะเป็นการเริ่มต้นที่ไม่สามารถจะแก้ไขได้ในเวลาต่อมา
ปรับรถจักรยาน ที่ระดับความสูงของอาน
เป็นสิ่งแรกที่พึงกระทำและสำคัญที่สุดในการช่วยให้การปั่นจักรยานมีประสิทธิภาพ วิธีปรับความสูงของอานมีอยู่หลายวิธี แต่ถ้าเราจะเอาให้ละเอียดจนต้องวัดกันออกเป็นตัวเลข มีสูตรในการคำนวนดังนี้ 0.888 เป็นตัวคูน ถอดสูตรสำเร็จได้ดังนี้ครับ เมื่อได้ตัวเลขมาแล้วก็เอาไปตั้งความสูงของอานแล้วลองขี่ดู ท่านอาจจะต้องปรับความสูงของอานหรือลดลงให้ต่ำ ให้เหมาะสมกับพื้นผิวรองเท้าที่ใช้ในเวลานั้น ถ้าปั่นแล้วรู้สึกว่าสะโพกส่ายไปมา นั้นแสดงว่าอานสูงเกินไป ข้อสังเกตุอีกประการหนึ่งคือในขณะที่ปั่นถึงจังหวะต่ำสุด หัวเข่าควรงอได้เล็กน้อยเป็นมุมประมาณ 150 -160 องศา ทั้งนี้เพื่อช่วยทรงตัวให้รับแรงกระแทกได้เวลาตกหลุม
ปรับรถจักรยาน ให้ถูกวิธี
ปรับรถจักรยาน ให้ถูกวิธี
ปรับรถจักรยาน ที่ปรับระยะหน้า – หลังของอานและมุมเอียง
การปรับนี้ไม่ใช่เพื่อให้ได้ระยะจับมือแฮนด์ที่พอดี แต่เป็นการปรับเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการปั่นสูงสุด วิธีการนี้ก็คือ ขึ้นไปนั่งบนอานที่รถอยู่กับที่ (หาผู้ช่วยมาจับรถไม่ให้ล้ม) สวมรองเท้าจักรยานที่ใส่ในการขี่เป็นประจำ วางปลายเท้าไว้บนลูกบันได้ ให้โคนหัวแม่เท้าอยู่ถึ่งกลางลูกบันได้ในตำแหน่งที่ลูกบันได้ขนานกับพื้น จะสังเกตุง่าย ๆ เห็นว่าปลายหัวเข่าของเราจะทำเป็นมุม 90 องศากับลูกบันได้ โดยสังเกตุจาก หัวเข่ามองเป็นเส้นตรงลงมาที่ลูกบันได้จะเป็นเส้นตรงแนวดิ่ง ทำมุม 90 องศาไปตามแนวนอนกับพื้นราบจากกึ่งกลางของรองเท้าไปยังปลายเท้า ผลกระทบต่อการตั้งอานเป็นอย่างนี้ ถ้าตั้งในตำแหน่งค่อนข้างไปข้างหน้าจะช่วยให้รอบการปั่นสูงในเกียร์ต่ำได้ดี ตรงกันข้ามถ้าตั้งอานค่อนมาข้างหลังก็ช่วยให้กำลังกดในจานใหญ่ได้ดี แต่ละคนมีสไตล์ในการปั่นไม่เหมือนกัน ตำแหน่งอาจจะไม่มีกฎตายตัว แล้วแต่ใครคิดว่าจุดใดจุดหนึ่งที่ตนเองปั่นแล้วเกิดอาการเมื่อยล้าช้าที่สุดและน้อยที่สุด จุดนั้นเป็นจุดที่ถูกต้องแล้วสำหรับเขา โดยเแาะการปรับความสูงต่ำของอานนี้ กระผมไม่อยากจะแนะนำว่าต้องฟิกให้ตายอยู่ที่ความสูง ต่ำ เท่าที่กำหนดไว้ เพราะในทางความเป็นจริง คนเราเมื่อเริ่มการออกกำลังกายกล้ามเนื้อทุกส่วนยังไม่พร้อมที่จะรองรับแรงกดมาก ๆ และยังไม่ยืดยุ่นพอในการใช้งาน การปรับความสูง ของอานที่คิดว่าถูกต้องตามที่คำนวนไว้ ก็อาจจะมีความรู้สึกว่าสูงไปในช่วงเวลานั้น แต่เมื่อได้ทำการฝึกซ้อมมาได้สักระยะหนึ่ง ร่างกายมีความฟิตเพียงพอแล้วที่จะรองรับ การปรับหลักอานในครั้งที่ผ่านไปก็จะมีความรู้สึกว่าต่ำไปบ้าง ก็ขอให้เราทำการปรับให้สูงขึ้นตามความเหมาสมในเวลานั้น จะสังเกตุได้ง่าย ๆ กับจักรยานที่เราขี่เป็นประจำ และมีความพอดีในทุก ๆ อย่าง หลังจากนั้นเราลองหยุดพักสักประมาณ 7 วัน แล้วกลับมาขี่ใหม่ จะมีความรู้สึกว่า ทำไมหลักอานรู้สึกว่ามันจะสูงไปกว่าเดิม นี้ก็แสดงว่า ตอนที่ร่างกายไม่พร้อมกล้ามเนื้อยืดไม่เต็มที่เราจะรู้สึกว่าสูง แต่เมื่อซ้อมได้สักระยะหนึ่งแล้ว ร่ายกลับมาฟิตเหมือนเดิมก็มีความรู้สึกว่าหลักอานจะต่ำไป
ปรับรถจักรยาน ให้ถูกวิธี
ปรับรถจักรยาน ให้ถูกวิธี
ปรับรถจักรยาน ที่ตำแหน่งเท้าบนลูกบันได
เมื่อเราปั่นจักรยานแล้วต้องปั่นด้วยปลายเท้า ไม่ใช่ส่วนกลางของเท้า แต่ถ้าปั่นด้วยปลายเท้ามากไปจะทำให้ปวดกล้ามเนื้อเท้าและน่อง ตำแหน่งที่พอดีคือให้หัวแม่เท้าตกลงประมาณแกนลูกบันได้ เพราะฉะนั้นเวลาปรับเหล็กจับลูกบันได้รองเท้าที่เป็นแบบ Clipless ให้คำนึงถึงตำแหน่งฝ่าเท้าของเราด้วย
ปรับรถจักรยาน ที่ความยาวขาบันได
นักปั่นมือโปรส่วนมากชอบใช้ความยาวขนาด 175 มม. เพราะให้พละกำลังในการปั่นมากกว่า แต่หากคนที่มีความสูงไม่เกิน 160 ซม.ก็ไม่ควรใช้ ให้ใช้ขนาดความยาว 170 มม. จะดีกว่า เพราะจะมีผลต่อการปั่นในทางขึ้นเขาและซิงเกิ้นแทรค แต่ถ้าคิดว่ามีความแข่งแกรงเพียงพอที่จะงัดความยาว 175 มม. ก็ไม่ผิดกติการใด ๆ ที่จะนำมาใช้เป็นอาวุธประจำกาย
ปรับรถจักรยาน ที่สัดส่วนห้องบังคับการ
พื้นที่ส่วนนี้ควรกว้างขวางพอที่จะให้เราเคลื่อนไหวได้สะดวกไม่ว่าจะนั่งขี่ทางไกลก็ไม่เมื่อย หรือจะลุกขึ้นยืนโยกก็ไม่ติดขัด ท่านั่งที่ถูกนั้น ขาหลังจะต้องงอเล็กน้อย ส่วนเสาแฮนด์ (Strem) นั้นไม่ควรยาวเกินไป ระยะที่พอดีนั้นเมื่อยืดแขนสุดแล้วควรถอยหลังได้สุดอาน เพื่อถ่ายน้ำหนักตัวตอนขี่ลงเขา
ปรับรถจักรยาน ให้ถูกวิธี
ปรับรถจักรยาน ให้ถูกวิธี
ปรับรถจักรยาน ที่ความสูงของแฮนด์
จุดนี้ควรปรับหลังจากปรับอานแล้ว โดยทั่วไปจะอยู่ต่ำกว่าระดับอานประมาณ 2 นิ้ว โดยเล็งผลสำคัญไปที่ทวงท่าของการขี่เป็นสำคัญ ซึ่งได้กล่าวไปแล้วในข้อ 6 นอกจากนี้ความสูงที่พอดีนั้นควรเอื่ออำนวยให้
ปรับรถจักรยาน ที่องศาและความกว้างของแฮนด์
โดยทั่วไปแฮนด์เสือภูเขาจะเข้าโค้งประมาณ 3 องศา ถ้าเราบิดมุมโค้งขึ้นเล็กน้อยให้รับกับแนวแขนก็จะทำให้ข้อมือที่จับแฮนด์เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ส่วนความกว้างนั้นมักจะถือเอาความกว้างของไหล่เป็นเกณฑ์กำหนด
ปรับรถจักรยาน ให้ถูกวิธี
ปรับรถจักรยาน ให้ถูกวิธี
ปรับรถจักรยาน ที่บาร์เอน
ประโยชน์ของบาร์เอนคือ ช่วยให้ขี่ขึ้นเขาได้ดีขึ้น หรือจะใช้เป็นที่พักมือในการปั่นระยะไกล เพราะบ่อยครั้งเมื่อเราขี่เป็นระยะทางไกล มือที่กุมแฮนด์อยู่นาน ๆ จะเกิดอาการชา เราก็สามารถใช้บาร์เอนเป็นที่พักมือและควบคุมแฮนด์ได้ดีเสมือนที่เราจับแฮนด์ ฉะนั้นการปรับตั้งบาร์เอนควรจะอยู่ในลักษณะที่ไม่เชิดจนเกินไป ให้สามารถโยกรถใส่กำลังได้อย่างเต็มที่
ปรับรถจักรยาน ที่ตำแหน่งเบรค
เราใช้เบรคหนัก ๆ ก็ในจังหวะลงเขาโดยเฉพาะทางธุรกันดาร บางครั้งต้องอยู่ในท่ากึ่งยืน ซึ่งเวลา ตั้งเบรคควรตั้งเผื่อเวลาใช้กับท่านี้ด้วย โดยให้เข้ากับข้อมือในแนวตรง เพื่อประสิทธิภาพในการเบรค และลดความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อ ถ้าเราตั้งมือเบรคให้เหมาะสมกับท่านั่ง เมื่อลุกยืนและใช้เบรคข้อมือจะงอมากเกินไป
ขอบคุณเนื้อหาจาก
www.bike-monster.com

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

ค่าปรับ ตาม พ.ร.บ.จราจร มาแล้วนะ ฝากแจ้งเตือนกันด้วยโดนเข้าไปมีโอกาสกินมาม่ายาวถึงสิ้นเดือนกันเลยทีเดียว..

ค่าปรับ ตาม พ.ร.บ.จราจร มาแล้วนะ ฝากแจ้งเตือนกันด้วยโดนเข้าไปมีโอกาสกินมาม่ายาวถึงสิ้นเดือนกันเลยทีเดียว..

1.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน / วางไว้ที่กระจก = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.11,ม.60)
2.แผ่นป้ายทะเบียนตัดต่ออัดกรอบใหม่เป็นป้ายขาว = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
3.ติดป้ายเอียง มีวัสดุปิดทับ = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
4.แผ่นป้ายทะเบียนปลอม = ป.อาญา ฟ้องศาล
5.โหลดเตี้ย (วัดจากกึ่งกลางไฟหน้ากับระดับพื้นถนนต้องไม่ต่ำกว่า 40cm) = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
6.ยกสูง (วัดจากกึ่งกลางไฟหน้ากับระดับพื้นถนนต้องไม่สูงกว่า 135cm) = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
7.ล้อยางเกินออกมานอกบังโคนข้างละหลายนิ้ว = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
8.ใส่ล้อใหญ่จนแบะล้อเพื่อหลบซุ้ม = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
9.ตีโปร่งขยายซุ้มล้อติดสปอยเลอร์ต้องมีการยึดติดอย่างแน่นหนา = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
10.ฝาประโปรง หน้า-หลัง ดำ เกิน50%ของสีหลัก = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.13,ม.60)
11.เปลี่ยนท่อไอเสียใหญ่เสียงดัง = ปรับไม่เกิน 1,000 บาท (ม.5(2),ม.58)
12.ไฟหน้าหลายสี เช่น เขียว แดง ฟ้า เหลือง = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
13.ไฟหยุดต้องสีแดง(ไฟเบรค)เท่านั้น = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
14.ไฟเลี้ยวต้องเป้นสีเหลืองอำพัน = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
15.ไฟส่องป้ายต้องเป็นสีขาวเห็นไม่ต่ำกว่า 20 เมตร = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
16.ไฟสปอร์ตไลน์ และโคมไฟตัดหมอกแสงพุ่งไกล = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
17.เปิดไฟตัดหมอกโดยไม่มีเหตุ = ปรับไม่เกิน 500 บาท กฏกระทรวง ข้อนี้เจอบ่อย..สุดรำคาญมั่ยรุสอบใบขับขี่ได้งัย
18.ติดไฟนีออนใต้ท้องรถ ติดไว้กับป้ายทะเบียน = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
19.ดัดแปลงเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
20.เปลี่ยนดีสเบรคหลัง = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
21.ใส่หลังคาซันลูป = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
22.ถอดเบาะหลังออกแล้วติดโรลบาร์ = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
23.ดัดแปลงเครื่องยนต์ วัดควันดำ = ปรับไม่เกิน 1,000 บาท (พรบ.ขนส่ง)