โปรบางท่านพูดว่าต้องฝึกล้มบนเตียงจนชินด้วยซ้ำ ไม่งั้นเวลาล้มจริงจะไม่สามารถฝืนตัวเองได้ แต่จะล้มอย่างไร ให้เจ็บน้อย หาอ่านได้จากบทความนี้เลย
เทคนิคการล้มแบบโปร ไม่ให้เจ็บหนัก ทำอย่างไร?
เมื่อวันหยุดปลายเดือน กค ที่ผ่านมา ในงาน Road to Tour De France Thailand จัดงานโดย GMMZ ระยะทาง 100 กม รังสิต-นครนายก ปรากฎว่า ก่อนเข้าเส้นเพื่อนผมเกิดอุบัติเหตุล้มขณะที่จะ สปริ๊นเข้าเส้นด้วยความเร็วสูง ตอนทราบข่าวครั้งแรกคิดว่าจะเจ็บหนัก เพราะเท่าที่ทราบถึงขึ้นหมวกกันน๊อคแตกเลยทีเดียว แต่ปรากฎว่าเจ้าตัวไม่เป็นไรมาก รถหมอบคาร์บอน ก็แค่ก้ามเบรคงอ จะว่าไปแล้วเจ้า Look 695 นี่มันทนทานจริงๆ ไม่น่าเชื่อ แค่ก้ามเบรคงอเท่านั้นจริงๆๆ
หลายคนคิดว่ามีพระดี หรือเล่นของอะไรหรือเปล่า เพราะไม่มีกระดูกกระเดี้ยวหักแค่บอบช้ำถลอกนิดๆหน่อยๆ กางเกงก็ขาดไปตามระเบียบ สาเหตุเพราะว่าเค้ารู้วิธีล้มเลยเจ็บไม่หนัก แน่นอนว่าอุบัติเหตุการขี่จักรยานบางครั้งก็เลี่ยงได้ยากมาก แต่หากเรารู้จักวิธีล้ม เมื่อเกิดอุบัติเหตุก็จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ครับ ซึ่งวันนี้ผมจะมาแชร์เทคนิค หากจะต้องเสียหลักล้ม ในเสี้ยววินาทีก่อนที่เราจะไปสำรวจฝุ่นบนถนน เราจะมีเทคนิคอย่างไรไม่ให้เราเจ็บตัวมาก
เอาหละถึงมันคงจะเป็นไปได้ยากใครจะบ้าเตรียมตัวทัน แต่ผมเชื่อว่าถ้าเรารู้เทคนิคสัญชาติญาณมันจะทำให้เราเองโดยอัตโนมัติ เหมือนนักฟุตบอล หรือนักแข่งมอเตอร์ไซด์เวลาล้มก็ยังสามารถลุกขึ้นมายืนได้
ในการใช้เบรคหน้าและหลัง หากกรณีจะหลีกเลี่ยงการล้ม หรือเบรคกระทันหัน หากไม่อยากให้รถเสียหลักเราจะต้องใช้ทั้งเบรคหน้าและและเบรคหลังในการเบรค แต่ไม่ใช่ว่ากดจนมิดทั้งคู่ แต่เราจะต้องแบ่งน้ำหนักการกดเบรค เป็นเบรคหน้า 60% และ เบรคหลัง 40% เพื่อไม่ให้รถเสียหลัก
1.กฎเหล็กข้อแรกอย่าเสียดายรถ คิดมากไปเดี๋ยวเอาตัวไม่รอดครับ เมื่อเราพยายามหลีกเลี่ยงการล้มแล้วแต่เมื่อรู้ว่าท่าทางจะไม่รอดแน่ๆ ลองมองหาพื้นที่โล่งๆนุ่มๆไว้ก่อนเพื่อควบคุมการล้มไปในทิศทางดังกล่าว เช่น พื้นหญ้า พื้นโคลน แต่ไม่แนะนำลงน้ำนะครับเดี๋ยวอาจจะเกิดอันตรายมากขึ้นถ้าน้ำมันลึก
2.กฎเหล็กข้อที่สอง ห้ามปล่อยมือจากแฮนด์เด็ดขาดโดยเฉพาะรถเสือหมอบ จะปล่อยมืออกได้ก็ต่อเมื่อเรากลึ้งจนถึงพื้นแล้ว เพราะอุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่แขนหักกัน ก็เพราะปล่อยมือจากแฮนด์นี่แหละ แล้วเอามือค้ำยันพื้นเวลากลิ้ง แรงกระแทกมันแรงมาก กระดูกเราไม่สามารถทานมันไหวแน่นอน ไม่ว่าจะล้มกลิ้งไปข้างหน้า หรือล้มข้างอย่าปล่อยมือจนกว่าเราจะถึงพื้น
3.เก็บคอลง พยายามดึงศอกและเข่าให้ชิดรถมากที่สุด เพราะหากมันจะต้องกลิ้งม้วนหน้าขึ้นมาจริงๆ แบบที่ฝรั่งเค้าเรียกว่า Tuck and Roll เราจะไม่เป็นไรมาก เพราะหมวกกันน๊อคมันจะช่วยป้องกันเราเวลารถกลิ้งม้วนหน้า และล้อรถทั้งสองก็จะรับแรงแทนเราเวลากลิ้งม้วนหน้า ถ้าล้มแล้วไม่เก็บคอลงอาจจะเกิดการบาดเจ็บที่ลำคอได้เพราะกรณีหากกลิ้งม้วนหน้า น้ำหนักตัวเราจะกระแทกลงที่ลำคอพอดี อันตรายมากครับ
4.จะล้มมมแล้วว น๊าาา จงอย่าเกร็งนะครับ ทำตัวแบบรีแล็กซ์ เพราะการเกร็งหรือการฝืนจะทำให้เกิดการบาดเจ็บได้มากกว่า เพราะฉะนั้นไหนๆก็ต้องล้มแล้วปล่อยไปตามธรรมชาติ
หลายๆครั้งที่พบเจอเวลาเกิดอุบัติเหตุก็คือปล่อยมือจากแฮนด์รถแล้วบินกันไปคนละทาง ลองนึกภาพว่ารถพอมันกลิ้งไปคนละทางกับรถ เราไม่มีอะไรป้องกันการกระแทกเราเลย หน้าเราก็อาจจะถูไปกับถนน ทั้งมือและแขน กว่าตัวเราจะหยุดก็ยับเยินกันพอดี มันไม่เหมือนกับขี่มอเตอร์ไซด์นะครับที่มือชุดป้องกัน ชุดจักรยานเน้นระบายอากาศ เบา มันแทบป้องกันผิวหนังเราไม่ได้เลย
สำหรับบทความวันนี้ผมเขียนให้อ่านเพื่อเป็นแนวทาง คงไม่มีใครอยากใช้เทคนิคความรู้ที่ผมได้แชร์ในวันนี้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นขอให้ขี่กันอย่างไม่ประมาทนะครับ มีสติ ทุกครั้งเวลาขี่ อย่าลืมว่าจักรยานเราถือว่าเป็นพาหนะที่จะเล็กที่สุดบนท้องถนนเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นความใส่ใจในจักรยานในบ้านเรา ยังน้อยกว่าในต่างประเทศเยอะ ต้องระมัดระวังตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกครับ
ป.ล ถ้าอ่านแล้วชอบใจบทความดีมีประโยชน์ ช่วยกด Like และแชร์ต่อด้วยนะครับบบบ ขอบคุณมากครับ
By. Mr Nat Gadget Bike
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น