วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

กฎหมายเกี่ยวกับการใช้แร็คบรรทุกจักรยานไปกับรถยนต์

กฎหมายเกี่ยวกับการใช้แร็คบรรทุกจักรยานไปกับรถยนต์
************************
การขนส่งด้วยแร็คท้ายรถยนต์ สามารถบรรทุกจักรยานยื่นพ้นตัวรถด้านหลังได้
… กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (ออกตาม พ.ร.บ.จราจรฯ) ข้อ ๑ (๒) (ก) ประกอบ พ.ร.บ.รถยนตร์ฯ มาตรา ๒๑ อนุญาตให้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน (รถเก๋ง/กระบะสองตอน) สามารถบรรทุกจักรยานยื่นพ้นตัวรถด้านหลังได้ ๒.๕๐ เมตร
ทั้งนี้ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอีก ๒ ประการ คือ
ประการที่ ๑ พ.ร.บ.จราจรฯ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๕ และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (ออกตาม พ.ร.บ.จราจรฯ) ข้อ ๑๓ (๕) คือ
กลางวัน: ต้องติดธงสีแดง ไว้ที่ตอนปลายสุดของจักรยานที่ยื่นออกไป ให้มองเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่า ๑๕๐ เมตร
กลางคืน: ต้องติดตั้งไฟสัญญาณแสงแดง ไว้ที่ตอนปลายสุดของจักรยานที่ยื่นออกไป ให้มองเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่า ๑๕๐ เมตร
ถ้าฝ่าฝืน: ผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา ๑๕๒ มีโทษปรับไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท
ประการที่ ๒ ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.รถยนตร์ฯ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ คือ ทำให้เห็นว่า แร็คที่เพิ่มเข้าไปมีสภาพแข็งแรง และมั่นคงดี
การใช้แร็ครุ่นติดหลังคารถเก๋ง สามารถนำรถไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพ เ้พื่อเพิ่มเติมรายการในทะเบียน และใบคู่มือจดทะเบียนรถได้
… ถ้าตรวจแล้วเห็นว่ามั่นคง ปลอดภัย หรือไม่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย หรือจิตใจ (ดูแล้วไม่หวาดเสียว) ของผู้อื่น ก็ถือว่า "ได้จัดให้มีครบถ้วนถูกต้องแล้ว" ซึ่งนายทะเบียนสามารถระบุเป็นรายการเพิ่มเติมในทะเบียน และใบคู่มือจดทะเบียนรถนั้นด้วยได้
พ.ร.บ.รถยนตร์ฯ มาตรา ๑๔ ได้กำหนด หลักการการตรวจสภาพรถที่ติดตั้งแร็คหลังคา เอาไว้ว่า…
… การติดแร็คหลังคา ต้องนำรถไปให้ตรวจสภาพก่อน ถ้าตรวจแล้วเห็นว่าปลอดภัย ก็ให้นายทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมรายการในทะเบียน และใบคู่มือจดทะเบียนรถนั้นด้วย
สรุป: เราสามารถติดตั้งแร็คแบบถาวรบนหลังคารถยนตร์อย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ตามวิธี การที่กำหนดไว้ใน มาตรา ๑๒, ๑๔ แห่ง พรบ.รถยนตร์ พ.ศ. ๒๕๒๒
รถกระบะ (รถปิคอัพ/สเปซแคป) คือ รถบรรทุกที่มีความกว้างของรถไม่เกิน ๒.๓๐ เมตร สามารถบรรทุกจักรยานได้สูงไม่เกิน ๓.๐๐ เมตร จากพื้นทาง
พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๑ อนุมาตรา (๓ ทวิ) ยกเว้นให้สามารถ "ใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (รถเก๋ง/กระบะสองตอน) เป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล" ได้
… ฉะนั้น ผู้ใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน (รถเก๋ง/กระบะสองตอน) จึงสามารถบรรทุกจักรยานได้สูงไม่เกิน ๓.๐๐ เมตร จากพื้นทาง
ป.ล. นายตำรวจสัญญาบัตรที่เป็น ตร.จราจร/ตร.ทางหลวง/ตร.ทางด่วน เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยใช้ พ.ร.บ.จราจรทางบก ๒๕๒๒ ประกอบกับ พ.ร.บ.รถยนต์ ๒๕๒๒ อยู่ทุกวี่ทุกวัน จึงเชี่ยวชาญและทราบข้อยกเว้นนี้ดีอยู่แล้ว
ซึ่งถ้าตำรวจเรียกตรวจแล้ว เห็นว่าผู้ขับรถยนต์ไม่รู้ข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๑ อนุมาตรา (๓ ทวิ) เคยมีตำรวจบางนายแกล้งอ้างฐานความผิดตาม กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดย ฉบับที่ ๑๒ (ออกตามความใน พรบ.จราจรทางบก ๒๕๒๒) ข้อ ๑ วงเล็บ (๓) (ข) ที่มีข้อความว่า "ในกรณีที่เป็นรถอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (ก) ให้บรรทุกสูงไม่เกิน ๑.๕๐ เมตร"
ปัจจุบัน คำว่า "รถอื่น" นั้น คงเหลือแต่รถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) รถสามล้อเครื่อง (ตุ๊กๆ) รถจักรยานสามล้อ และรถจักรยานสองล้อ เท่านั้น เพราะ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน ๗ คน (รถเก๋ง/สเปซแคป) ได้รับการยกเว้นแล้ว ตามพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๑ อนุมาตรา (๓ ทวิ)
ในการออกใบสั่ง หรือใบเสร็จค่าปรับ ผู้ขับรถเก๋ง/สเปซแคป เข้าใจว่า ตำรวจคงไม่กล้าเขียนในฐานความผิด "บรรทุกสูงเกิน ๑.๕๐ เมตร" แต่คงไพล่เผลไปเขียนในฐานความผิดอื่นๆ เช่น พ.ร.บ.จราจรฯ มาตรา ๖ (อ้างถึง พ.ร.บ.รถยนต์ฯ มาตรา ๑๒ และ ๑๔ เรื่อง "ดัดแปลงสภาพรถ") ประกอบมาตรา ๑๔๘ ปรับไม่เกิน ๕๐๐ บาท
ทางแก้: ให้ printed กฎหมายติดรถไว้ ดังนี้
พ.ร.บ.จราจรฯ มาตรา ๖ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๕ และ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดย ฉบับที่ ๑๒ (ออกตามความใน พรบ.จราจรทางบก ๒๕๒๒) ข้อ ๑ วงเล็บ (๓) (ข)
พ.ร.บ.รถยนต์ฯ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๑
ก่อนยื่นใบขับขี่ให้ตำรวจจราจร ถ้าเป็นไปได้ควรใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายคลิปคำพูดแจ้งข้อกล่าวหา โดยควรถามตำรวจว่า จับตามพ.ร.บ.จราจรฯ ข้อหาใด? ดังนี้
ตามมาตรา ๖ วรรค ๑ [นำรถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง หรืออาจเกิดอันตรายแก่ประชาชนมาใช้ในทางเดินรถ] ข้อหานี้สู้คดีได้ ถ้าแร็คติดตั้งได้มั่นคงแข็งแรง
ตามมาตรา ๖ วรรค ๒ [รถที่ใช้ ติดตั้งเครื่องอุปกรณ์หรือส่วนควบ (แร็คหลังคา) โดยไม่เพิ่มเติมรายการในใบคู่มือจดทะเบียนรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์] หรือ
ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (แก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ ๑๒) ข้อ ๑ วงเล็บ (๓) (ข) [บรรทุกสูงเกิน ๑.๕๐ เมตร] ถ้าเป็นข้อหานี้ สามารถให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดีในศาลแขวงได้ ซึ่งการประกันตัวก็เพียงแจ้งชื่อและที่อยู่โดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์เป็น ประกัน ซึ่งร้อยเวรจราจรย่อมรู้อยู่แล้วว่า มีกฎหมายยกเว้น และอัยการศาลแขวงจะไม่อาจรับสำนวนไปตั้งข้อกล่าวหาตามนี้ได้เลย
เขียนโดย ชยุต รัตนพงษ์
เมื่อ 30 กันยายน 2555
… … … … … … … … … … … … … … … … … … …
ข้อกฎหมาย:
พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒
… มาตรา ๑๒ รถใดที่จดทะเบียนแล้ว หากปรากฏในภายหลังว่ารถนั้นมีส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถไม่ครบถ้วน ถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง หรือเพิ่มสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิต ใจของผู้อื่น ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถนั้นจนกว่าจะจัดให้มีครบถ้วนถูกต้องหรือเอาออกแล้ว
… ในกรณีที่นายทะเบียนเห็นว่าเจ้าของรถไม่อาจจัดให้มีครบถ้วนถูกต้องหรือเอาออกได้ ให้นายทะเบียนสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนรถนั้น
… เจ้าของรถมีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่ออธิบดีได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่งของนายทะเบียน
… คำวินิจฉัยของอธิบดีให้เป็นที่สุด
… มาตรา ๑๔ รถใดที่จดทะเบียนแล้ว ห้ามมิให้ผู้ใดเปลี่ยนแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการ ที่จดทะเบียนไว้และใช้รถนั้น เว้นแต่เจ้าของรถนำรถไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพก่อน
… ในกรณีที่นายทะเบียนเห็นว่ารถที่เปลี่ยนแปลงตามวรรคหนึ่งอาจก่อให้เกิด อันตรายในเวลาใช้ ให้สั่งเจ้าของรถแก้ไขและนำรถไปให้ตรวจสภาพก่อนใช้ การตรวจสภาพดังกล่าวนายทะเบียนจะสั่งให้เจ้าของรถนำรถไปให้ตรวจสภาพ ณ สถานตรวจสภาพที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกก็ได้ และให้นำมาตรา ๑๒ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้านายทะเบียนเห็นว่ารถนั้นปลอดภัยในเวลาใช้ ให้แก้ไขเพิ่มเติมรายการในทะเบียน และใบคู่มือจดทะเบียนรถนั้นด้วย
…มาตรา ๒๑ ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถไม่ตรงตามประเภทที่จดทะเบียนไว้ เว้นแต่ในกรณี ดังต่อไปนี้
… … (๑) การใช้รถยนต์บริการธุรกิจ รถยนต์บริการทัศนาจร หรือรถจักรยานยนต์สาธารณะในกิจการส่วนตัว
… … (๒) การใช้รถยนต์สาธารณะในกิจการส่วนตัว โดยมีข้อความแสดงไว้ที่รถนั้นให้เห็นได้ง่ายจากภายนอกว่าใช้ในกิจการส่วนตัว
… … (๓) การใช้รถยนต์สาธารณะบรรทุกของที่ติดตัวไปกับผู้โดยสาร
… … (๓ ทวิ) การใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถไม่เกินหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน หรือใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล
… … (๔) ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
… … … … … … … … … … … … … … … … … … …
พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
… มาตรา ๖ ห้ามมิให้ผู้ใดนำรถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง หรืออาจเกิดอันตรายหรืออาจทำให้เสื่อมเสียสุขภาพอนามัยแก่ผู้ใช้ คนโดยสารหรือประชาชนมาใช้ในทางเดินรถ
… รถที่ใช้ในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องจัดให้มีเครื่องยนต์ เครื่องอุปกรณ์และหรือส่วนควบที่ครบถ้วนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายว่าด้วยการขนส่ง กฎหมายว่าด้วยล้อเลื่อน
กฎหมายว่าด้วยรถลาก หรือกฎหมายว่าด้วยรถจ้าง และใช้การได้ดี
… สภาพของรถที่อาจทำให้เสื่อมเสียสุขภาพอนามัยตามวรรคหนึ่งและวิธีการทดสอบ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
… มาตรา ๑๑ ในเวลาที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถหรือสิ่งกีดขวางในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถในทางต้องเปิดไฟ หรือใช้แสงสว่างตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
… มาตรา ๑๕ รถที่บรรทุกของยื่นเกินความยาวของตัวรถ ขณะที่อยู่ในทางเดินรถ และในเวลาต้องเปิดไฟตามมาตรา ๑๑ หรือมาตรา ๖๑ ผู้ขับขี่ต้องจุดไฟสัญญาณแสงแดง หรือในเวลากลางวันต้องติดธงสีแดงไว้ที่ตอนปลายสุดของสิ่งที่บรรทุกนั้น โดยจุดไฟสัญญาณหรือติดธงไว้ให้มองเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร
… ไฟสัญญาณแสงแดงหรือธงสีแดงตามวรรคหนึ่ง จะใช้ชนิด ลักษณะหรือจำนวนเท่าใด ให้อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
… … … … … … … … … … … … … … … … … … …
กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความใน พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
ข้อ ๑๓ ในเวลาที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน สัตว์ รถ หรือสิ่งกีดขวางในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร ให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถในทางปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
… … (๑) ใช้โคมไฟแสงพุ่งไกลเมื่อไม่มีรถสวนมา
… … (๒) ใช้โคมไฟแสงพุ่งต่ำเมื่อมีรถสวนมา
… … (๓) ในกรณีที่รถมีโคมไฟแสงพุ่งไกลหรือโคมไฟแสงพุ่งต่ำติดห่างจากด้านข้างสุดของรถเกิน ๐.๔๐ เมตร ต้องใช้โคมไฟเล็กในเวลาขับรถด้วย
… … (๔) ในกรณีที่ขับขี่รถจักรยาน ต้องบังคับแสงของโคมไฟหน้ารถให้ส่องตรงไปข้างหน้าให้เห็นพื้นทางได้ในระยะไม่น้อยกว่า ๑๕ เมตร และอยู่ในระดับต่ำกว่าสายตาของผู้ขับขี่ขับรถสวนมา
… … (๕) ในกรณีที่บรรทุกของยื่นล้ำออกนอกตัวรถ ต้องใช้โคมไฟแสงแดงติดไว้ที่ปลายสุดของส่วนที่ยื่นออกไปด้วย
กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดย ฉบับที่ ๑๒ ออกตามความใน พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
ข้อ ๑ รถโรงเรียน รถบรรทุก หรือรถบรรทุกคนโดยสาร บรรทุกของได้ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
… … (๑) สำหรับส่วนกว้าง ไม่เกินส่วนกว้างของรถ
… … (๒) สำหรับส่วนยาว
… … … … (ก) ในกรณีที่เป็นรถยนตร์ ด้านหน้ายื่นไม่เกินหน้าหม้อหรือกันชน ด้านหลังยื่นพ้นตัวรถไม่เกิน ๒.๕๐ เมตร
… … (๓) สำหรับส่วนสูง
… … … … (ก) ในกรณีที่เป็นรถบรรทุก รถม้าสี่ล้อบรรทุกของ หรือเกวียน ให้บรรทุกสูงไม่เกิน ๓.๐๐ เมตร จากพื้นทาง เว้นแต่รถบรรทุกที่มีความกว้างของรถเกิน ๒.๓๐ เมตร ให้บรรทุกสูงไม่เกิน ๓.๘๐ เมตร จากพื้นทาง
… … … … (ข) ในกรณีที่เป็นรถอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (ก) ให้บรรทุกสูงไม่เกิน ๑.๕๐ เมตร
***
CR:ชยุต รัตนพงษ์https://www.facebook.com/notes/463149007063761/

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Bianchi Kuma ปี 2013 กับ New Kuma 2014

Bianchi Kuma ปี 2013 กับ New Kuma 2014

 

สำหรับ New Bianchi Kuma 2014 เหมาะกับมือใหม่ที่มีสไตล์ไม่เหมือนใคร

ผมเคยทิ้งท้ายไว้ในบทความที่แล้วเกี่ยวกับ New Kuma 2014 ว่ามันมีอะไรแตกต่างไปจากตัวเดิมบ้าง ซึ่งตัวใหม่นี้จะมี 4
รุ่นเช่นกัน เน้นล้อขนาด 27.5 นิ้ว ส่วนรุ่นที่ 4 ก็คือ 
Kuma 29.3 นั้นจะเป็นล้อขนาด 29 นิ้ว รุ่นที่ท้อปสุดของ Kuma ปี 2014
นั้นจะเป็นรุ่น 27.1 ครับ ราคาตั้งไว้ประมาณ 22,000 บาท

หากดูสเปคแล้วผมรู้สึกว่า มันมีราคาแพงเพราะชุดเกียร์มันดีกว่า 1 สเต็ป คือ 9 สปีด ตีนผีหลัง เป็นชุด Shimano Alivio 9s
 สปีด นอกจากนั้นผมไม่ค่อยเห็นความแตกต่างกันเลยในด้านของชุดเกียร์ มี 8 สปีดเช่นกัน ราคาก็ไล่เลี่ยกัน
ซึ่งเป็นเสือภูเขาที่สร้างมาเพื่อนักปั่นมือใหม่

Bianchi 2014 สเปค

Bianchi Kuma 27.1 ปี 2014 ราคา 22,000 บาท

Bianchi Kuma 27.1 ปี 2014 

Bianchi Kuma 27.2 ปี 2014 ราคา 17,550 บาท

 Bianchi Kuma 27.2 ปี 2014

รุ่น : Kuma 27.1 Shimano Alivio/Acera 3x9

Bianchi 2014 : KUMA 27.2

เฟรม : Kuma 27,5" alu, ขนาด 15 ,17,19, และ 21 นิ้ว
โช๊ค - Suntour XCM RL DS 27,5" 100mm
ตีนผีหลัง - Shimano Alivio 9s สปีด
มือเกียร์ - Shimano Acera 3x9 สปีด

สับจานหน้า - Shimano Acera

เฟืองหลัง - HG30-9s, 11-34T

โซ่ - Fsa Team Issue 10s
เบรค - Shimano M395 โฮดรอลิค
ชุดล้อ - TEC Disc TXCP22 27,5"
ถ้วยคอ - Fsa #10
คอแฮนด์ - TEC alloy
แฮนด์ - TEC, Alloy 6061
หลักอาน – TEC
ชุดจานหน้า - Fsa Dyna Drive, 42/32/22T
อาน - TEC Ultro
กระโหลก - BB-7420 (JIS)
ใบจานเบรค - 160mm CenterLock
ราคาตั้ง – 22,710 บาท


เฟรม : Kuma 27,5" alu, ขนาด 15 ,17,19และ 21 นิ้ว

โช๊ค - Suntour XCM DS27,5" 100mm

ตีนผีหลัง - Shimano ACERA 8สปีด

มือเกียร์ - Shimano ALTUS 3x8 สปีด
สับจานหน้า - Shimano Altus
เฟืองหลัง - Shimano HG31-8s
โซ่ - 8เบรค - Hayes Dyno Sport โฮดรอลิค
ชุดล้อ - TEC Disc TXCP22 27,5"
ถ้วยคอ - Fsa #10
ยาง - Geax Saguaro 27,5x2.0
คอแฮนด์ - TEC alloy
แฮนด์ - TEC, Alloy 6061
หลักอาน – TEC
ชุดจานหน้า - Shimano TX M13142/34/24T
อาน - TEC Ultro
กระโหลก - BB-7420 (JIS)
ใบจานเบรค – 160mm
ราคาตั้ง – 17,550 บาท



Bianchi Kuma 27.3 ปี 2014 ราคา 17,090 บาท

Bianchi Kuma 27.3 2014 

Bianchi Kuma 29.3 ปี 2014 ราคา 17,200 บาท

BIANCHI KUMA 29. 3 2014


Kuma 27.3 Shimano Acera/Altus 3x8 Mech

Kuma 29.3 Shimano Acera/Altus 3x8 Mech
เฟรม : Kuma 27,5" alu, ขนาด 15 ,17,19และ 21 นิ้วโช๊ค - Suntour XCM DS27,5" 100mmตีนผีหลัง - Shimano ACERA 8สปีดมือเกียร์ - Shimano ALTUS 3x8 สปีดสับจานหน้า - Shimano Altusเฟืองหลัง - Shimano HG31-8sโซ่ - 8เบรค - Shimano M375ชุดล้อ - TEC Disc TXCP22 27,5"ถ้วยคอ - Fsa #10ยาง - Geax Saguaro 27,5x2.0คอแฮนด์ - TEC alloyแฮนด์ - TEC, Alloy 6061หลักอาน – TECชุดจานหน้า - Shimano TX M13142/34/24Tอาน - TEC Ultroกระโหลก - BB-7420 (JIS)ใบจานเบรค - 160 mmราคาตั้ง - 17,090 บาท

เฟรม : Kuma 29" alu, ขนาด 15 ,17,19และ 21 นิ้ว

โช๊ค - Suntour XCM DS 29" 100mm

ตีนผีหลัง - Shimano ACERA 8สปีด

มือเกียร์ - Shimano ALTUS 3x8 สปีด
สับจานหน้า - Shimano Altus
เฟืองหลัง - Shimano HG31-8s
โซ่ - 8เบรค - Shimano M375
ชุดล้อ - TEC Disc TXCP22 29"
ถ้วยคอ - Fsa #10
ยาง - TEC Ibix 29x2.0
คอแฮนด์ - TEC alloy
แฮนด์ - TEC, Alloy 6061
หลักอาน – TEC
ชุดจานหน้า - Shimano TX M13142/34/24T
อาน - TEC Ultro
กระโหลก - BB-7420 (JIS)
ใบจานเบรค - 160mm 6-bolts
ราคาตั้ง – 17,290 บาท



Bianchi Kuma ปี 2013

ในส่วนของ Kuma ปี 2013 นั้นผมเอาสเปคของล้อ 26 นิ้วมาให้ดู ส่วนรุ่น 4750 กับ 4650 นั้นสเปคเหมือนกันครับในเรื่องของ
ชุดขับเคลื่อน แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของ ล้อ เพราะล้อของ 
4750 และ 4650 นั้นจะเป็นขนาด 27.5 นิ้ว ตัวท้อปของปี 2013
 นั้นจะเป็นรุ่น Kuma 5300 สนนราคา 25,000 บาท

ผมไม่แน่ใจว่า Kuma ปี 2013 นั้นจะดีกว่าในเรื่องของ เฟืองหลังหรือเปล่าเพราะเป็นระดับ Deore 10 สปีด
ซึ่งเปลี่ยนตีนผีเป็น 
Deore ด้วย ผมว่ามันรองรับการอัพเกรดได้ดีกว่ารุ่นใหม่มากๆ ไม่แน่จะได้ถึง 30 สปีดเลยทีเดียวครับ
บางคนอ่านแล้วก็อาจจะคิดว่า มันก็เปลี่ยนได้หมดแร่ะ ถ้าจะเอา 30 สปิด ....ผมก็ไม่เถียง มันก็ใช่ถ้าเอามาเปลี่ยนมันก็
สามารถจะได้สปีดมากๆเท่ากัน แต่ผมอยากจะชี้ว่ามันแตกต่างตรงต้องเปลี่ยนมากชิ้น หรือ ต้องเปลี่ยนทั้งหมดต่างหาก
อย่างปี 2013 เราอาจจะเปลี่ยนแค่ 2 ชิ้น คือ ตีนผี กับ สับจานหน้า ในรุ่น
 4700 หรือ รุ่น 5100 อาจจะเปลี่ยนแค่ สับจานหน้าก็ได้

แต่เมื่อเทียบกับรุ่นที่ราคาเท่ากันคือ 17000 กว่าในรุ่น Kuma 27.3 หรือ 29.3 ก็จะต้องเปลี่ยนเกือบทั้งหมดเลย ทั้งตีนผี,
สับจานหน้า, เฟืองหลัง และมือเกียร์ 
 ผมว่า Bianchi ทำการตลาดมาค่อนข้างจะห่างนิดนึง เค้าแบ่งไว้อย่างชัดเจนเลยว่า
นักปั่นมือใหม่จะต้องเริ่มที่ชุด
 Kuma ราคาประมาณ 15,000-22,000 บาท

หากเป็นระดับกลางๆ เริ่มจะอัพไปแข่ง ก็ต้องเป็นรุ่น Jab ราคาก็เกือบๆ 3 หมื่น แล้วช่วงราคา 23,000- 28,000 กว่า
มันหายไปไหนครับ ผมว่าถ้าเพิ่มรุ่นที่มันตอบสนองนักปั่นระดับกลางๆด้วยราคาประมาณ 25000 – 28,000 มีชุดเกียร์
 Deore
 แบบต้นๆ ก็น่าจะดีมากเลยครับ

ดังนั้นสำหรับมือใหม่ที่มีงบประมาณมากๆประมาณ 25k ผมว่าไปดูระดับกลางๆดีกว่าครับพวก Merida 500d
หรือว่าจะเป็น Trek 4900 ดีกว่าครับ เพราะระดับช่วงราคานี้สำหรับ Bianchi ยังขาดไปครับ

ยกตัวอย่างครับ
รุ่น Jab 29.4 - Shimano Deore, 3x10 สปีด......ราคา 35,750.
  • ตีนผีหลัง - Shimano Deore 10s
  • มือเกียร์ - Shimano Deore 3x10
  • สับจานหน้า - Shimano Acera
  • เฟืองหลัง - Shimano Deore 10s, 11-36T
MERIDA MATTS TFS 900 DISC ราคา 30,370
  • ตีนผีหลัง – Shimano Deore XT
  • มือเกียร์ – Shimano Deore SLX
  • สับจาน – Shimano Deore
  • เฟื่อง – Sram PG1030 ขนาด 11-36T
เห็นความแตกต่างในด้านสับจานหน้าของ Bianchi ที่ให้รุ่น Acera มา ซึ่งความจริงน่าจะเป็น Deore แถมราคาก็แพงกว่า
อาจจะแพงเพราะใช้ เฟื่องหลังของ 
Deore ก็ได้ครับ (เฟืองหลัง DEORE 2014 Dyna.sys 10 สปีด 11-36T
ราคาประมาณ 1 พันกว่าบาทครับ ถ้าผมจะเปลี่ยนใส่เมอริด้า ผมก็ว่ายังคุ้มเช่นเคย..หุหุ)

สเปคของ Bianchi Kuma ปี 2013

Bianchi Kuma 4600 model ปี 2013 ราคา 15,000 บาท
Bianchi KUMA 4600 color GU 2013 Complete

Bianchi Kuma 4700 model ปี 2013 ราคาประมาณ 17,200 บาท

Bianchi KUMA 4700 color GX 2013 Complete


KUMA 4600 Acera 24 speed V-Brake

KUMA 4700 Acera 24 speed  Disc

ตีนผีหลัง - Shimano Acera

สับจานหน้า - Shimano M190A-3

มือเกียร์ - Shimano ST-EF51 

เฟืองหลัง - Shimano DEORE, 10sp, 11-34T
เบรค - LeeChi TX-121 V-brake
ดุมหน้า - Joytech FH-801DSE, 32H
ดุมหลัง - Joytech JY-731 DSE 32H
โช๊ค - SunTour XCM MLO 26
ขอบล้อ - Mach 1 Exe 26", alloy 6061, 32H
ถ้วยคอ - Fsa NO.10
ยาง - Spectra C1383, 26x1.90
คอแฮนด์ - Tec AS-601, melt forged alloy
แฮนด์ - Tec HB-RB11, low rise 18mm, 620mm
หลักอาน - Kalloy SP-602, 31.6mm
ชุดจานหน้า - Shimano FC-M131, 42/34/24T
อาน - Tec Ultro, steel rail, white
ราคาตั้ง 15,000 บาท


 ตีนผีหลัง - Shimano Aceraสับจานหน้า - Shimano M190A-3มือเกียร์ - Shimano ST-EF51เฟืองหลัง -Shimano DEORE, 10sp, 11-34Tเบรค - Tektro Novela mech Discดุมหลัง - Joytech FH-801DSE, 32Hดุมหน้า - Joytech JY-731 DSE 32Hโช๊ค - SunTour XCM MLO 26ขอบล้อ - Mach 1 Exe 26", alloy 6061, 32Hถ้วยคอ - Fsa NO.10ยาง - Spectra C1383, 26x1.90คอแฮนด์ - Tec AS-601, melt forged alloyแฮนด์ - Tec HB-RB11, low rise 18mm, 620mmหลักอาน - Kalloy SP-602, 31.6mmชุดจานหน้า - Shimano FC-M131, 42/34/24Tอาน - Tec Ultro, steel rail, whiteราคาตั้ง 17,200 บาท


Bianchi Kuma 5100 model ปี 2013 ราคาประมาณ 21000 บาท

Bianchi KUMA 5100 color GY 2013 Complete


KUMA 5100 Alivio 27 speed Disc


KUMA 5300 Deore/Acera 27 speed Disc

ตีนผีหลัง - Shimano Alivioสับจานหน้า - Shimano Aceraมือเกียร์ - Shimano Aceraเฟืองหลัง - Shimano DEORE, 10sp, 11-34Tเบรค - Tektro HDCดุมหลัง -Joytech D142DSE, 32Hดุมหน้า - Joytech D041DSE, 32Hโช๊ค - SunTour XCM HLO 26ขอบล้อ - Mach 1 Exe 26" , alloy 6063, 32Hถ้วยคอ -Fsa NO.10ยาง - Hatchison  Python Original WB, 26x2.00คอแฮนด์ - Tec Obvius, AS007N, 3D forged AL6061แฮนด์ - Tec Obvius, HB-RB12, low rise 15mm, 620mm หลักอาน- Tec Obvius, SP-614, 31.6mmชุดจานหน้า - Shimano FC-M171, 42/34/24Tอาน - Tec Ultro, steel rail, whiteราคาตั้ง 21,000 บาท

สับจานหน้า :  derailleur Shimano Acera

มือเกียร์ : Shimano Acera

ตีนผี :  Shimano Deore

เฟืองหลัง - Shimano DEORE, 10sp, 11-34T 
เบรค - Shimano M395
ดุมหลัง : Shimano FH-RM35, 32H 
ดุมหน้า : Shimano HB-RM35, 32H
โช๊คหน้า : SunTour XCM RL 26
ขอบล้อ - Mach 1 Sub-Zero Disc 26", alloy 6063, 32H
ถ้วยคอ : FSA  NO.10
ยาง : Hutchison Python Original WB, 26x2.00
แฮนด์ และคอแฮนด์ : Tec Obvius, HB-RB12, low rise 15mm, 620mm
หลักอาน : Tec Obvius, SP-614, 31.6mm
ชุดจานหน้า :  Fsa DynaDrive, 44/32/22T
อาน :  Tec Ultro, steel rail, white
ราคาตั้ง 25,000 บาท



Bianchi Kuma 5300 รุ่นท้อป ราคาประมาณ 25,000 บาท

Bianchi KUMA 5300 color GJ 2013


Read more: http://mountainbikedetail.blogspot.com/2013/09/bianchi-kuma-2013-new-kuma-2014.html#ixzz35f65ShTl

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557

"มือซ้ายจานหน้า มือขวาจานหลัง"



เกียร์ ใช้งานอย่างไร
"มือซ้ายจานหน้า มือขวาจานหลัง"
ปัญหานี้คงเป็นปัญหายอดฮิตสำหรับมือใหม่ทุกๆคนเนื่องมาจากระบบเกียร์ที่ค่อนข้างจะ
ซับซ้อนสำหรับคนที่ยังไม่คุ้นเคย และจำนวนเกียร์ที่มีมากมายจนน่าปวดหัว [ ระบบเกียร์เป็น
คำกล่าวรวมเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อน(drive train)ทั้งระบบ ซึ่งประกอบด้วยชุดจานหน้า(chain
ring) สับจานหน้า(front derailleur) ชุดเฟืองหลัง(cog) ตีนผี(rear derailleur) โซ่(chain)
และยังรวมไปถึงชุดเปลี่ยนเกียร์(shifter) ]
เกียร์จักรยานนั้นถูกออกแบบมาด้วยเหตุผลคล้ายกับเกียร์รถยนต์ คือเพื่อให้ผู้ถีบสามารถ
ใช้รอบขาและแรงถีบได้อย่างเหมาะสมกับสภาพเส้นทาง ความเร็ว และสภาพของตัวผู้ถีบเอง โดย
จะเลือกอัตราทดจากการเปลี่ยนตำแหน่งโซ่ในชุดจานหน้าซึ่งจะมีตั้งแต่ 2 - 3 จาน ร่วมกับการ
เปลี่ยนตำแหน่งโซ่ในชุดเฟืองหลังซึ่งมีตั้งแต่ 7 - 9 เฟือง ( CampagnoloและRitchey ได้ทำ
ชุดเฟืองหลัง10 เฟืองออกมาแล้ว แต่อาจจะยังไม่เป็นที่แพร่หลายเนื่องจากใช้เพื่อการแข่งขัน )
ในที่นี้ผมจะขอกล่าวเฉพาะชุดจานหน้า 3 จานและเฟืองหลัง 9 เฟืองของเสือภูเขาเท่านั้น
ทางShimanoได้ผลิตชุดขับเคลื่อนระบบนี้ตั้งแต่ชุดระดับกลางๆคือ Deore จนถึงชุดระดับสูง
อย่าง XTR โดยอาจจะเรียกให้เข้าใจกันง่ายๆว่า ชุดขับเคลื่อน 27 speeds ซึ่งความหมายมา
จาก 3 x 9 = 27 นั่นเอง ซึ่งการเรียกตำแหน่งเกียร์นั้นจะเรียกเป็นตัวเลขคล้ายกับเกียร์รถยนต์
โดยจานหน้าใบเล็กสุด จะเรียกว่าจาน1 จานกลางจะเรียกว่าจาน2 จานใหญ่สุดจะเรียกว่าจาน3
คล้ายๆกับเกียร์รถยนต์ ตัวเลขที่มากขึ้นก็จะหมายถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นมา (และออกแรงเพิ่มขึ้น)
ในขณะที่ชุดเฟืองหลังนั้นจะเรียกเฟืองใหญ่สุดว่าเฟือง1 แล้วเรียกไล่กันไปจนถึงเฟืองเล็กที่สุดว่า
เฟือง9 หลายคนอาจจะเริ่มสับสน คือถ้าเฟืองหลังยิ่งเล็กลงความเร็วก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสลับกันกับ
ชุดจานหน้า ตัวอย่างในการเรียกให้เข้าใจตรงกัน เช่น ตำแหน่งเกียร์ 3-7จะหมายถึงจานหน้า
อยู่ในตำแหน่งจาน3 และเฟืองหลังอยู่ในตำแหน่งเฟือง7 (คือเฟืองตัวที่ 3 นับขึ้นมาจากเฟืองที่
เล็กที่สุด)
ผมจะใช้ตัวอย่างจากชุดขับเคลื่อนยอดฮิตที่มีชุดใบจานหน้า 44-32-22 ( ใบใหญ่44ฟัน
ใบกลาง32ฟัน และใบเล็ก22ฟัน ) กับชุดเฟืองหลังมีจำนวนฟันเรียงกันดังนี้ 11-12-14-16-18
-21-24-28-32 อัตราทดจะคำนวณโดยการนำจำนวนฟันของจานหน้าหารด้วยจำนวนฟันของ
เฟืองหลัง เช่น เกียร์ 3-9 จะมีอัตราทดเท่ากับ 44หารด้วย11 เท่ากับ 4.0 ซึ่งหมายถึงว่าถ้าเราปั่น
บันไดครบ1รอบ ล้อหลังจะหมุนไปได้ 4 รอบ ดูตารางกันก็แล้วกันนะครับ
เฟือง 9 เฟือง 8 เฟือง 7 เฟือง 6 เฟือง 5 เฟือง 4 เฟือง 3 เฟือง 2 เฟือง 1
จาน 3 4.00 3.67 3.14 2.75 2.44 2.10 1.83 1.57 1.38
จาน 2 2.91 2.67 2.29 2.00 1.78 1.52 1.33 1.14 1.00
จาน 1 2.00 1.83 1.57 1.38 1.22 1.05 0.92 0.79 0.69
แล้วจะเลือกใช้เกียร์อย่างไรดีหละ
หลักการใช้เกียร์ที่เหมาะสมนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการใช้ความหนักเบาให้พอดีกับแรง
และสุขภาพของคุณเอง การใช้เกียร์ที่หนักอัตราทดสูงๆ เช่น 3-9 อาจจะเหมาะสมสำหรับความ
เร็วสูงสุดช่วงสั้นๆในทางเรียบหรือความเร็วในการลงเขา แต่ไม่เหมาะสำหรับการเดินทางไกลๆ
เพราะจะหนักเกินไป และผลสุดท้ายจะลงเอยกับเข่าของคุณเอง สู้ใช้เกียร์ที่เบากว่าแต่ใช้รอบขา
สูงกว่าไม่ได้ และเกียร์ที่เบาเกินไปก็ไม่มีประโยชน์ต่อการออกกำลังกาย น้ำหนักเกียร์ที่เหมาะสม
จึงเป็นเรื่องที่คุณจะต้องเลือกใช้ตามความจำเป็น เช่นเดียวกันกับรถยนต์ที่ไม่มีใครใส่เกียร์5 ขึ้น
ดอยอินทนนท์ ไม่ว่าเครื่องยนต์จะทรงพลังแค่ไหนก้อตาม และถึงแม้ว่าจะขึ้นได้ผลเสียก้อคงตก
กับเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนเอง อันนี้จึงเป็นเรื่องของทางสายกลางที่คุณจะต้องหาเองเพราะ
ว่าแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกันไป
แล้วจะเลือกใช้เกียร์ไหนดีเอ่ย มีตั้ง 27 เกียร์แหนะ เรามาลองย้อนขึ้นไปดูที่ตารางอัตรา
ทดอีกทีนะครับ คุณจะพบว่ามันไม่ได้มีอัตราทดหลากหลายกันถึง 27 speedsอย่างที่คิด บาง
อัตราทดก็จะเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน รวมไปถึงข้อจำกัดในเรื่องของแนวโซ่ จนเราไม่อาจจะใช้
มันจริงๆจังๆได้ครบทั้งหมด และจากการใช้งานจริงๆเราจะใช้มันอย่างมากก็เพียง 15-16 อัตรา
ทดเท่านั้น
พูดถึงแนวโซ่ อาจจะสับสนกับคำว่าchain lineได้
ผมคงต้องขออนุญาตปูพื้นคำว่าchain lineเสียก่อนนะครับ คำว่าchain lineนั้นหมาย
ถึงระยะห่างระหว่างจุดกึ่งกลางท่ออาน(seat tube)กับยอดใบจานกลาง[หรือจุดกึ่งกลางระหว่าง
จานหน้าใบใหญ่สุดกับใบเล็กสุด(ในกรณี 2 ใบจาน)] chain lineจะเป็นใช้ค่าอ้างอิงระยะห่าง
ระหว่างชุดใบจานหน้ากับเฟรม ค่าchain line จะแปรผันไปตามความยาวของแกนกระโหลก
ลักษณะของชุดขาจาน(crank set) และการสวมเข้ากับแกนกระโหลก โดยทั่วไปแล้วสำหรับเสือ
ภูเขาส่วนใหญ่ จะมีค่าchain lineอยู่ในช่วง 47.5 - 50.0mm
ส่วนคำว่าแนวโซ่ที่ผมจะใช้ตลอดบทความเรื่องนี้จะหมายถึงการเล็งแนวของโซ่จากเฟือง
หลังไปหาจานหน้าหรือจากจานหน้าไปหาเฟืองหลังโดยเทียบกับแนวของล้อ คำว่าแนวโซ่ตรง
มีความหมายว่าแนวโซ่ขนานกับแนวล้อ และแนวโซ่เบี่ยงเบน หมายถึงว่าแนวโซ่เบี่ยงเบนจาก
แนวขนานกับแนวล้อ
โซ่เป็นจุดที่เปราะบางที่สุดของระบบเกียร์
โซ่เป็นตัวถ่ายทอดแรงจากบันไดไปยังล้อหลัง โดยรับจากจานหน้าส่งต่อไปยังเฟืองหลัง
จุดอ่อนของโซ่ก็คือ ข้อโซ่ ข้อโซ่อาจจะได้รับการออกแบบมาอย่างดีสำหรับการรับแรงกระทำใน
แนวยาวซึ่งจะมาในรูปของการดึง แต่ไม่ได้ถูกออกแบบมาดีนักสำหรับการรับแรงบิด ทั้งการบิด
เกลียวและการบิดด้านข้าง เมื่อโซ่ได้รับแรงบิด ข้อโซ่จะเป็นบริเวณที่ต้องเผชิญกับความเครียด
และแรงเค้น เมื่อโลหะที่เป็นแผ่นประกับ(outer plate)ตรงบริเวณข้อโซ่ได้สะสมความเครียด
และแรงเค้นจนถึงจุดที่เกิดอาการล้าตัวแล้ว แกนข้อโซ่ก็จะถูกบิดให้หลุดออกมา ก็จะเกิดอาการ
ที่เรียกว่า "โซ่ขาด"
การบิดของโซ่จะเกิดเกือบตลอดเวลาของการใช้งาน โดยการบิดตัวด้านข้างจะเกิดขึ้นใน
ขณะที่ใช้อัตราทดที่มีแนวโซ่เบี่ยงเบน ยิ่งเบี่ยงเบนมากก็จะบิดตัวมาก (การบิดด้านข้างของโซ่
จะทำให้มีแรงต่อฟันของจานหน้าและเฟืองหลังที่เกี่ยวข้องด้วย) ส่วนการบิดเกลียวจะเกิดขึ้นใน
ขณะที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งจานหน้า แรงบิดเกลียวที่กระทำต่อโซ่ในขณะเปลี่ยนตำแหน่งจาน
หน้านี้จะเพิ่มขึ้นตามแรงที่เรากดบันได
การใช้ตำแหน่งเกียร์ที่เหมาะสม
โดยพิจารณาจากแนวโซ่
การเลือกใช้ตำแหน่งเกียร์ที่เหมาะสมโดย
พิจารณาจากแนวโซ่เป็นเหตุผลหลักนั้น จะช่วย
ยืดอายุการใช้งานในระยะยาวของระบบเกียร์ไม่
ว่าจะเป็น โซ่ หรือชุดจานหน้าหรือเฟืองหลัง
ถ้าพิจารณาจากรูปจะเห็นได้ว่าที่ตำแหน่ง
เกียร์ 1-3 , 2-5 และ 3-7 แนวโซ่แทบจะเป็นเส้น
ตรงเลยทีเดียว

เฟือง 9 เฟือง 8 เฟือง 7 เฟือง 6 เฟือง 5 เฟือง 4 เฟือง 3 เฟือง 2 เฟือง 1
จาน 3 4.00 3.67 3.14 2.75 2.44 2.10 1.83 1.57 1.38
จาน 2 2.91 2.67 2.29 2.00 1.78 1.52 1.33 1.14 1.00
จาน 1 2.00 1.83 1.57 1.38 1.22 1.05 0.92 0.79 0.69
กลุ่ม1 กลุ่ม2 กลุ่ม3 กลุ่ม4 กลุ่ม5 กลุ่ม6
กลุ่ม1และกลุ่ม2 จะเป็นกลุ่มที่ใช้ได้ดีมากเนื่องจากแนวโซ่ไม่ได้เบี่ยงเบนไปมาก และ
ยังสามารถไล่อัตราทดต่อเนื่องกันได้อย่างเพียงพอสำหรับการใช้งาน เช่นเมื่อเราใช้เกียร์
2-7 ทำความเร็วได้พอสมควรแล้ว และต้องการจะทำความเร็วเพิ่มขึ้นอีก เราอาจจะเลือก
เปลี่ยนเกียร์เป็น 3-6 ซึ่งจะให้อัตราทดที่เพิ่มขึ้นและต่อเนื่องคล้ายกับอัตราทดในเกียร์
2-8 แต่แนวโซ่ไม่เบี่ยงเบนไปมาก หรือ คุณกำลังจะปั่นขึ้นเนินด้วยตำแหน่งเกียร์ 2-3
และเห็นว่าเนินนี้ยังอีกยาวทั้งมีแนวโน้มว่าคุณจะต้องใช้เกียร์ที่ต่ำกว่านี้อีกในการจะเอา
ชนะ แทนที่คุณจะเปลี่ยนเป็นเกียร์ที่ต่ำกว่านี้ด้วยการใช้เกียร์ 2-2 ผมแนะนำให้คุณ
เปลี่ยนไปเล่นเกียร์ 1-5 แทนจะดีกว่า นอกจากเรื่องอัตราทดและแนวโซ่แล้วยังจะมีสิ่งที่
หลายคนนึกไม่ถึง ซึ่งจะอธิบายในเรื่องของการใช้เกียร์เพื่อขึ้นเขาต่อไป
กลุ่ม3 ก็ยังสามารถใช้ได้อยู่ แต่ก็ไม่เลวนักถ้าจะเปลี่ยนไปใช้เกียร์ในกลุ่ม2
กลุ่ม4 แนวโซ่จะเบี่ยงเบนไปพอสมควร ซึ่งจะบั่นทอนอายุการใช้งานในระยะยาว
กลุ่ม5 ไม่จำเป็นหรือไม่เผลอก็อย่าไปใช้เลย สึกหรอโดยใช่เหตุ
กลุ่ม6 คือ เกียร์ 3-1 และ1-9 เป็นเกียร์ต้องห้าม อย่าได้เผลอไปใช้ทีเดียวนะครับ
ทำไมเกียร์ 3-1 และ 1-9 เป็น"เกียร์ต้องห้าม"
ตำแหน่งเกียร์ 3-1 หรือหน้าใหญ่สุด
หลังใหญ่สุด นอกจากแนวโซ่จะเบี่ยงเบนไป
อย่างมากแล้ว ตัวตีนผีเองจะถูกโซ่ดึงจนกาง
ออกเกือบจะเป็นเส้นตรง ซึ่งถ้าความยาวของ
โซ่สั้นเกินไปกว่าที่ควร ขาตีนผีอาจจะถูกบิด
จนโก่งงอ เคยพบว่าในบางรายฟันของเฟือง1
คดงอจากแรงดึงของโซ่ได้

เกียร์ 1-9 ถึงแม้จะไม่ถูกนำใช้งานเนื่องจากแนวโซ่ที่เบี่ยงเบนไปอย่างมากนั้น แต่ก็ใช่ว่า
จะไม่มีประโยชน์เสียทีเดียวเพราะว่าจะถูกใช้เป็นเกียร์สำหรับจอดเก็บ เพราะว่าในตำแหน่งจาน
หน้าเล็กสุด สปริงของตัวสับจานหน้าจะหย่อนที่สุด เช่นกันกับตำแหน่งเฟืองหลังที่เล็กสุด สปริง
ในตัวตีนผีจะหย่อนที่สุดเช่นกัน การเก็บเกียร์ในลักษณะนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของสปริง
ในตัวสับจานหน้าและตีนผี
เทคนิคการเลือกใช้ตำแหน่งสับจานหน้าในสถานะการณ์ต่างๆ
การเปลี่ยนตำแหน่งสับจานหน้านั้น ไม่ใช่สิ่งที่กระทำได้สะดวก รวดเร็วเหมือนอย่างการ
เปลี่ยนตำแหน่งเฟืองหลัง เพราะระยะห่างระหว่างใบจานหน้า รวมไปถึงความแตกต่างระหว่าง
จำนวนฟันของใบจานหน้าแต่ละใบ ผิดกับชุดเฟืองหลังที่จะอยู่ชิดกันกว่ารวมไปถึงจำนวนฟัน
ที่ต่อเนื่องกันมากกว่า
การพิจารณาเลือกใช้และการตัดสินเปลี่ยนตำแหน่งจานหน้าในแต่ละสถานการณ์อาจจะ
แตกต่างกันไปสำหรับหลายๆคน แต่ก็ยังคงมีเหตุผลหลักๆที่คนส่วนใหญ่ยอมรับมัน
สำหรับทางเรียบ คุณจะใช้จานกลางหรือจานใหญ่ก็สุดแล้วแต่ระดับความเร็วที่คุณใช้และ
แนวโซ่ที่จะเบี่ยงเบน เช่นถ้าคุณเกาะกลุ่มในทางเรียบที่ความเร็วประมาณ 29-31กม/ชม
แช่เป็นทางยาว แทนที่คุณจะใช้ตำแหน่งเกียร์ 2-9 ซึ่งแนวโซ่จะเบี่ยงเบนไปมาก ก็ควร
จะเลือกใช้ตำแหน่งเกียร์ 3-7 ซึ่งแนวโซ่จะเป็นเส้นตรง
สำหรับทางลงเขา ควรใช้จานใหญ่ที่สุด ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึง ระดับความเร็วที่คุณกำลังปั่น
ส่งเพื่อลงเขาเท่านั้นหรือแม้จะเพียงปล่อยไหลลงเขาก็ตาม เพราะว่าถ้าหากมีการล้มเกิดขึ้น
โซ่ที่มาอยู่ในตำแหน่งจาน3 จะป้องกันขาของคุณจากความคมของยอดฟันใบจาน ซึ่งคม
พอที่บาดขาคุณลงไปถึงกล้ามเนื้อได้
สำหรับกรณีขึ้นเขา คุณอาจจะมีแรงมากพอที่จะใช้จานกลางปั่นขึ้นเขาได้โดยตลอด และ
คิดว่าการเปลี่ยนมาใช้จานเล็กจะทำให้เสียเวลา ขอเพียงแค่คุณแรงถึง และแนวของโซ่ไม่
เบี่ยงไปมากนักก็คงจะไม่เป็นไรมากเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดคุณขึ้นเขาด้วยเกียร์ 2-1หละครับ
ผมว่าคุณใช้เกียร์ 1-4 จะไม่ดีกว่าหรือ อัตราทดใกล้เคียงกันแถมแนวโซ่ยังไม่เบี่ยงด้วย
โซ่ในระบบเกียร์ 27 speeds จะบางกว่าโซ่ของระบบเกียร์ 24 speeds หรือระบบ
เดิมประมาณ0.6mm และต้องยอมรับว่าความแข็งแรงย่อมจะลดลงเป็นธรรมดา ซึ่งได้รับ
การยืนยันจากผู้ใช้หลายๆคนว่าโซ่ของระบบใหม่ขาดง่ายกว่าระบบเดิม แต่ในความเป็น
จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโซ่ใหม่หรือโซ่เดิม โอกาสโซ่ขาดอันเกิดจากการใช้งานที่ผิดวิธีย่อม
เกิดขึ้นได้เสมอ โซ่ขาดในระหว่างขึ้นเขาเป็นเหตุการณ์ที่พบได้เรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าข้อโซ่ทน
แรงดึงไม่ไหว แต่ข้อโซ่ทนแรงบิดไม่ไหวต่างหาก คุณรู้หรือไม่ว่า โซ่จะบิดเกลียวและบิด
ตัวด้านข้างอย่างมากในขณะที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งจานหน้า ถ้าบวกด้วยการออกแรงดึง
โซ่อย่างหนัก เช่น ลดจานหน้าลงมาในขณะที่ขายังกดบันไดอย่างหนักเพื่อที่จะเอาชนะ
เนินสูงให้ได้ก็อาจจะทำให้ข้อโซ่บิดจนหลุดออกมาได้ ขณะที่การเปลี่ยนตำแหน่งเฟือง
หลังนั้นจะทำได้ง่ายกว่า โซ่จะบิดตัวน้อยกว่า เนื่องจากระยะห่างระหว่างเฟืองแต่ละแผ่น
มีน้อยกว่าระยะห่างระหว่างใบจาน
วิธีที่ควรทำในระหว่างการขึ้นเขาก็คือ
พิจารณาจากรอบขาและแรงที่เรายังมีอยู่
ถ้าเนินที่เห็นข้างหน้า หนักหนากว่าที่จะใช้จาน2ได้ตลอดเนิน ก็ให้เปลี่ยนเป็น
จาน1 เมื่อยังมีแรงและรอบขาเหลืออยู่ โดยลดแรงกดที่บันไดลงก่อน อย่าเปลี่ยน
จานหน้าในขณะที่กำลังจะหมดแรงส่ง เพราะนั่นหมายถึงว่าคุณกำลังออกแรงย่ำ
บันไดอย่างหนักโดยที่บันไดแทบจะไม่ขยับเลย ซึ่งนั่นหมายถึงว่าแรงตึงภายใน
โซ่จะสูงมากจนน่าเป็นห่วงที่จะทำให้ข้อโซ่อ้าได้
จากนั้นมาเล่นรอบโดยการเปลี่ยนตำแหน่งเฟืองหลังโดยใช้เฟืองที่เล็กลงก่อนเพื่อ
ลดอาการ"หวือ"ของขาจากการที่ลดจานหน้าลง แล้วจึงเลือกเปลี่ยนตำแหน่งเฟือง
หลังไปตามสถานะการณ์ แต่หลักการยังคงเหมือนเดิมคือ ให้เปลี่ยนเกียร์ในขณะ
ที่ยังมีแรงหรือรอบขาเหลืออยู่ อย่าเปลี่ยนในขณะที่กำลังจะหมดแรงส่งด้วยเหตุผล
ที่เหมือนกับการสับจาน ถึงแม้ว่าจะไม่มีผลให้โซ่ขาดต่อหน้าต่อตาแต่จะบั่นทอน
อายุการใช้งานลงอย่างคาดไม่ถึง (อาจจะเจอโซ่ขาดเอาดื้อๆขณะที่กำลังปั่นทั้งๆที่
ไม่ได้เปลี่ยนเกียร์เลย ) และต้องลดแรงกดที่บันไดในเวลาเปลี่ยนเกียร์เช่นกัน
ข้อสรุป
เลือกใช้เกียร์ให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทางและสภาพตัวคุณเอง พยายามหลีกเลี่ยงการใช้
เกียร์ที่หนักแรงโดยไม่จำเป็น เก็บข้อเข่าคุณไว้ใช้ตอนอายุมากๆดีกว่า
เลือกอัตราทดที่โซ่ไม่เบี่ยงเบนมาก เพื่อยืดอายุการใช้งานของโซ่ และลดการสึกหรอของ
จานหน้าและเฟืองหลัง
เกียร์ 1-9 และ 3-1 ไม่ใช่เกียร์สำหรับใช้งาน แต่เกียร์1-9 มีไว้สำหรับเก็บรถเพื่อพักสปริง
สับจานและตีนผี และระวังอย่าเผลอใช้เกียร์ 3-1
การเปลี่ยนเกียร์ ไม่ว่าจะเปลี่ยนตำแหน่งจานหน้าหรือเฟืองหลัง ให้ลดแรงกดที่บันได
ในขณะลงเขา เปลี่ยนจานหน้ามาไว้ที่จาน3 เสมอ โซ่จะคลุมยอดฟันคมๆของจาน3 ไม่
ให้มาเกี่ยวขาเราในเวลาที่ล้ม
ในขณะขึ้นเขา ควรจะเปลี่ยนมาใช้จาน1ในช่วงที่ยังมีรอบขาเหลืออยู่ ทางที่ดีแล้วควรจะ
เปลี่ยนมาใช้จาน1เสียแต่เนิ่น แล้วมาไล่เฟืองหลัง การเปลี่ยนตำแหน่งเฟืองหลังในขณะ
ขึ้นเขา ทำได้ง่ายกว่าการเปลี่ยนตำแหน่งจานหน้า