วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

"มาเรีย ชาราโปวา" นางฟ้านักเทนนิสชาวรัสเซีย คงต้องตกกระป๋องซะแล้ว เมื่อเจอนักกีฬาคลื่นลูกใหม่สาวสวยชาวคาซัคสถาน ที่มีนามว่า "ซาบินา อัลตินเบโควา" นักวอลเลย์บอลสาวดาวรุ่ง วัยย่าง 18 ปี รายนี้... ตอนนี้ "ซาบินา" เพิ่งอายุ 17 ปี เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 1996 ซึ่งอีกไม่นานก็จะอายุเต็ม 18 ปี แล้ว แต่สำหรับความสาวและความสวยสดใสของเธอ คงไม่ต้องรอกันแล้ว เพราะต้องยกให้เต็มๆ ยืดเส้นยืดสายก่อนแข่ง อิริยาบถยามอยู่ในสนามแข่ง เจ้าของความสูง 182 เซนติเมตร (อาจสูงได้มากกว่านี้อีก) เป็นที่จับตามองของสื่อมวลชนในการแข่งขันศึกลูกยางเยาวชนหญิงชิงแชมป์เอเชีย ซึ่งแข่งที่ไต้หวัน หนูน่ารักไหมคะ จากนั้นชื่อและภาพของเธอก็ถูกแพร่หลายในโลกสังคมออนไลน์ จนเป็นที่โจษขานอย่างกว้างขวางและรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง และคาดว่าจะโด่งดังมากกว่านี้ในอนาคตอันใกล้นี้ สบายๆนอกสนาม โทรศัพท์หาใครดีนะ ชมคลิปสัมภาษณ์ของซาบินา

"มาเรีย ชาราโปวา" นางฟ้านักเทนนิสชาวรัสเซีย คงต้องตกกระป๋องซะแล้ว เมื่อเจอนักกีฬาคลื่นลูกใหม่สาวสวยชาวคาซัคสถาน ที่มีนามว่า "ซาบินา อัลตินเบโควา" นักวอลเลย์บอลสาวดาวรุ่ง วัยย่าง 18 ปี รายนี้...
ตอนนี้ "ซาบินา" เพิ่งอายุ 17 ปี เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 1996 ซึ่งอีกไม่นานก็จะอายุเต็ม 18 ปี แล้ว แต่สำหรับความสาวและความสวยสดใสของเธอ คงไม่ต้องรอกันแล้ว เพราะต้องยกให้เต็มๆ
ยืดเส้นยืดสายก่อนแข่ง
อิริยาบถยามอยู่ในสนามแข่ง
เจ้าของความสูง 182 เซนติเมตร (อาจสูงได้มากกว่านี้อีก) เป็นที่จับตามองของสื่อมวลชนในการแข่งขันศึกลูกยางเยาวชนหญิงชิงแชมป์เอเชีย ซึ่งแข่งที่ไต้หวัน
หนูน่ารักไหมคะ
จากนั้นชื่อและภาพของเธอก็ถูกแพร่หลายในโลกสังคมออนไลน์ จนเป็นที่โจษขานอย่างกว้างขวางและรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง และคาดว่าจะโด่งดังมากกว่านี้ในอนาคตอันใกล้นี้
สบายๆนอกสนาม
โทรศัพท์หาใครดีนะ
ชมคลิปสัมภาษณ์ของซาบินา

จักรยานของคุณ ไม่จำเป็นต้องคาร์บอนและแพงหูดับเสมอไป

จักรยานของคุณ ไม่จำเป็นต้องคาร์บอนและแพงหูดับเสมอไป


น้ำหนักคือเครื่องมือชี้วัดความสามารถของจักรยานจริงหรือไม่ ยอมรับว่า ความเบาของจักรยานที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์นั้นเหนือกว่าจักรยานที่ใช้ตัวถังเหล็กหรืออัลลอย แต่ไม่ใช่เฟรมคาร์บอนทุกเฟรม จะสร้างมาด้วยวัสดุและกรรมวิธีที่มีความเท่าเทียมกัน ปัจจุบัน กระแสจักรยานที่ใช้เฟรมทำจากวัสดุผสมพวกคาร์บอนคอมโพสิตกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งนักปั่นในกลุ่มคนมีเงิน รวมถึงนักจักรยานชนชั้นกลางหาเช้ากินค่ำ ที่พยายามดิ้นรนอดออมเก็บเงินเพื่อสอยจักรยานตัวถังและอะไหล่ผลิตจากคาร์บอน สารภาพเลยว่าคาร์บอนในจักรยานเสือหมอบยุคใหม่ให้ความรู้สึกถึงความล้ำสมัยและความสวยงามควบคู่กันไป จอดหรือปั่นกับเพื่อนๆ ได้แบบไม่ต้องอายใคร แต่อย่าลืมว่า สุดท้ายแล้ว ร่างกายและความอดทนของคุณเท่านั้น ที่จะทำให้สามารถปั่นจักรยานคู่ใจไปถึงยังจุดหมายที่ต้องการ รวมถึงแนวความคิดมุมมองที่ว่า จักรยานนั้น เป็นเพียงแค่เครื่องมือของคุณเองในการใช้ออกกำลังกาย ไม่ได้เอาไว้หาเลี้ยงชีพด้วยการลงแข่งรายการสำคัญที่สามารถทำเงินมหาศาล หรือมีไว้เพื่อโอ้อวดในด้านความมั่งมีศรีสุขกับใครทั้งสิ้น

เฟรมคาร์บอนทั่วๆ ไปที่มีราคาถูกบ้างแพงบ้างขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและกรรมวิธี จนถึงขั้นส่วนผสมของไฟเบอร์กับเรซินที่มีควมหนาแน่นแตกต่างกันออกไปตามระดับของราคาค่าตัว เฟรมคาร์บอนแพงๆ มีขั้นตอนในการผลิตซับซ้อนเพื่อให้ได้ความแข็งแกร่งสูงสุดและมีน้ำหนักน้อยที่สุด เฟรมคาร์บอนไฟเบอร์ในจักรยานแข่งส่วนใหญ่ ใช้การระดมโหมด้วยวิธีโฆษณาแฝงอันแยบยล โดยทำการส่งจักรยานรุ่นนั้นๆ กับเงินสนับสนุนจำนวนมหาศาล ให้กับทีมแข่งที่มีนักปั่นมืออาชีพระดับเทพหรืออยู่บนสุดในตารางการแข่งขัน ที่พร้อมจะคว้าชัยชนะในรายการสำคัญ ซึ่งจะส่งผลไปถึงรถจักรยานยี่ห้อนั้นๆ ที่ใช้ลงแข่งที่ดูเหมือนจะพลอยมีชื่อเสียงไปด้วย ทั้งๆ ที่จริงแล้ว การคว้าชัยชนะในรายการแข่งขันจักรยานระดับโลกนั้นมีตัวแปรอันหลากหลายโดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับจักรยานที่ใช้แต่เพียงอย่างเดียวแบบที่เข้าใจ

เฟรมโลหะพวกโครโมลีและเฟรมอะลูมิเนียม กลับเป็นวัสดุที่ใช้ทำเฟรมจักรยานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าวัสดุชนิดอื่น อะลูมิเนียมมีความคงทนสูงมากกว่าคาร์บอน มันทนต่อแรงบิดได้เหนือกว่ามาก จากพัฒนาการด้านโลหะและเคมี รถจักรยานที่ใช้เฟรมอัลลอยเกรดสูงสุดที่มีประสิทธิภาพด้านความเหนียวและความทนทานนั้น เหนือกว่ารถจักรยานที่ใช้เฟรมสร้างจากคาร์บอนเกรดต่ำและมีราคาพอๆ กัน จักรยานอัลลอยบางรุ่นบางโมเดลในราคาระดับกลางๆ มีสมรรถนะและการใช้งานเทียบเท่าหรือดีกว่าจักรยานเฟรมคาร์บอนรุ่นต่ำๆ เทคโนโลยีของการเชื่อมโลหะหรือเชื่อมข้อต่อในเฟรมแบบอัลลอยที่ก้าวไกล ราคาที่ไม่แพงเว่อร์จนสะดุ้ง แม้จะล้มคว่ำคะมำหงาย ล้อบิดเป็นเลขแปด แต่เฟรมอะลูมิเนียมที่ใช้ทำตัวถังยังคงรูปอยู่เหมือนเดิม ต่างจากเฟรมคาร์บอนบางแบบที่มีราคาสูงกว่า แต่เปราะแตกหักเสียหายจนใช้งานอีกไม่ได้เมื่อโดนกระแทกแรงๆ จากอุบัติเหตุในการปั่นด้วยความเร็วแบบสปิ้นที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเมื่อคุณปั่นอยู่บนถนน
จักรยานเสือหมอบ WCI Elite Pro Road
เจ้านี่คือเสือหมอบเฟรมอัลลอยของพวกเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างแท้จริง ราคาไม่เกิน 7 พันบาทสำหรับใช้ปั่นออกกำลังกายแถวบ้านโดยไม่ต้องไปแคร์ต่อสายตาของใคร วงล้ออัลลอยด์แบบแอร์โร่ทรงสูง ยาง700 x 23c ก้านเบรกก้ามปูทำจากอัลลอยด์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ระบบขับเคลื่อนวางจานดูด ขาอัลลอยด์ 2 ชั้น คอแฮนด์ : คออัลลอยด์ แฮนด์อัลลอยด์ ดุมปลดไวอัลลอยด์ หลักอานอัลลอยด์ทรงเรซซิ่ง หูรัดหลักอานอัลลอยด์ปลดไว ไซส์ ท่อตั้ง 50 ท่อนอน 54 ชุดเกียร์ SHIMANO 14 SPEED หน้า 2 หลัง 7 จานหน้าขนาด 52 ฟัน ชุดล้อ : วงล้ออัลลอยขนาด 700c ระบบเบรก: ดุมอัลลอย ควิสรีรีส แกนดุมหน้าแบบปลดเร็ว น้ำหนักประมาณ 10.5-11 กิโลกรัม ราคาถูกจนตกกะใจที่ 6,900 บาท จ่ายแค่นี้ก็ออกไปสนุกกับเพื่อนๆ สำหรับพวกชอบปั่นเสือหมอบได้แล้ว อย่าไปแคร์เรื่องราคา เพราะคุณมีมันไว้แค่การออกกำลังกายเพื่อลดไขมันส่วนเกิน ไม่ได้มีไว้โชว์โอ้อวดใครต่อใคร
L.A Urbano tourney group set size 46
แอลเอคือค่ายผู้ผลิตรถสองล้อแบบใช้แรงคนปั่นที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี จักรยานเสือหมอบ รุ่น Urbano tourney ใช้เฟรมอะลูมิเนียม 6061 Hydroformed Triple Butted Smooth Welding Technology ตะเกียบอัลลอย RIGID FORK อะไหล่พวกจาน เกียร์และชุดเบรกเป็นของ SHIMANO ชุดเริ่มต้นทั้งหมด เช่น CRANK SET SHIMANO SORA FC-3450, 50-34T FRONT DERAILLEUR SHIMANO F/DERAILLEUR FD-3500, SORA REAR DERAILLEUR : SHIMANO R/DERAILLEUR RD-3500, SORA SHIFTERS SHIMANO SHIFTERS ST-3500, SORA CASSETTE SHIMANO CS-HG50-9 ล้ออัลลอยสีดำ BLACK Double,Well 32H ยาง KENDA K-925, 700x23c ชุดห้ามล้อ SHIMANO CALIPER BRAKE, BP-3500, SORA แฮนด์ RITCHEY ZERO DROP IN 1-1/8 บนน้ำหนักตัว 10.0 กิโลกรัมพอดิบพอดีกับราคา 8,600 บาท เป็นเสือหมอบระดับอนุบาลที่คุ้มค่าสุดๆ แห่งปี คนที่มีความสูงตั้งแต่ 160-170 เซนติเมตร สามารถขี่ได้อย่างสบาย
TEAM 700C Day by Day
จักรยานเสือหมอบราคาประหยัด ยี่ห้อ TEAM 700C Day by Day มีไซล์ที่ครอบคลุมทุกสรีระของคุณ เช่น 48, 50, 52, 54 เฟรมของ TEAM 700C Day by Day เป็นวัสดุอะลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงและความสวยงามผสมผสานกันจากรูปแบบที่ค่อนข้างทันสมัย ชุดถ้วยคอซ่อนในเฟรม ขอบล้อขนาด 700c สองชั้น 32 รู ที่ให้ความทนทานแข็งแรงและมีน้ำหนักเบา แม้จะเบาไม่เท่ากับล้อคาร์บอนราคามโหฬาร มือเบรกและเกียร์จาก SHIMANO 2300 ตีนผี SHIMANO 2300 สับจาน SHIMANO 2300 บอกเลยว่าขนอะไหล่ของรุ่น 2300 มากันครบๆ เฟืองขนาด 11-24 จานหน้า ขนาด 53-39 แฮนด์/คอ /หลักอาน ผลิตด้วยอะลูมิเนียมที่ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ เพื่อความแข็งแรงและมีน้ำหนักเบา ยางขนาด 700x23C อินโนวา ราคาค่าตัวประมาณ 12,900-17,000 บาท แล้วแต่อุปกรณ์ที่เลือกใส่ เก็บตังค์ไม่นานนัก คุณจะได้จักรยาน TEAM 700C ที่ใช้ปั่นเพื่อสุภาพและมีความสวยงามไม่น้อยหน้าเสือหมอบราคาเหยียบแสน

HASA R3 Expert 2015
จักรยานเสือหมอบ HASA รุ่น R3 Expert ปี 2015 มีเฟรมอะลูมิเนียม เบอร์ 6061 และมีไซส์ที่ครอบคลุมทุกสรีระ เช่น 46,48,50,52
ชุดขับ Shimano SORA 9 speed Groupset ชุดล้อของดีจาก Mavic รุ่น CXP22 ยางเสือหมอบขอบงัดคุณภาพสูง Continental รุ่น ULTRASPORT ไซล์ 700x23C น้ำหนักตัวจักรยานทั้งคันที่ 9.4 กิโลกรัม ไม่มากมายอะไรจนปั่นไม่ออกเมื่อคุณเอามันขึ้นไปตะกายบนเนินชันๆ แม้น้ำหนักจะเป็นรองรถเสือหมอบเฟรมคาร์บอนที่บางรุ่นบางแบบหนักแค่ 6.9-7.5 กิโลกรัม แต่รถพวกนั้นมีราคาเหยียบแสนหรือบางคันทะยานไปที่ 3-4 แสนบาท ราวกับห่อหุ้มด้วยทองคำ ทั้งๆ ที่ชิ้นส่วนอะไหล่บางชิ้นของรถจักรยานราคาถูกทำงานได้ด้อยกว่าของแพงไม่มากนัก และอะไหล่ของแพงก็ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งสิ้น เมื่อคุณไม่ได้ใช้มันลงแข่งในรายการ ทัวร์ เดอ ฟรองซ์ !! ราคาค่าตัวของเจ้าดำทางด่วน HASA R3 Expert 2015 ประมาณ 18,000 บาท สมน้ำสมเนื้อกับเงินที่จ่ายไปและอุปกรณ์ที่คุณจะได้ ใช้มันปั่นไปปากซอยไปตลาด ซื้อของในเซเว่น หรือใส่รถส่วนตัวไปปั่นเล่นตามต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ความหล่อเหลาเข้ารูปของ HASA R3 Expert 2015 ทำให้คุณผสมกลมกลืนไปกับกลุ่มเพื่อนรวยๆ ที่ใช้รถจักรยานราคาแพงได้อย่างไม่เคอะเขินอีกด้วย เจ๋งปะล่ะ

Trek 1.1
มันเป็นจักรยานรุ่นเด็กเล็กเด็กประถม (คำเปรียบเทียบ) ที่เพิ่งเริ่มปั่นเสือหมอบ เจ้า Trek 1.1 จัดอยู่ในกลุ่มจักรยาน One Series ที่มีรถทั้งหมดในปี 2014 อยู่ 3 รุ่นคือ Trek 1.1, Trek 1.2, และ Trek 1.5 ปี 2014 เป็นปีที่ Trek เอาอกใจมือใหม่หัดปั่นเสือหมอบที่มีเบี้ยน้อย แต่สนใจอยากลองปั่นจักรยานเสือหมอบ ตามแรงยุยงปลุกปั่นแกมขู่บังคับของเพื่อนๆ ที่มีรถคันเป็นแสน!! สีขาวสกาวสดใสใหม่ปิ๊ง คือสีที่ถูกนำเสนอบนตัวถังของเจ้า Trek 1.1 2014 ส่วน Trek 1.2 และ 1.5 มีสีฟ้าและสีดำให้เลือกใช้ตามความชอบ (ไม่ควรแปะสติกเกอร์ "รถคันนี้สีนั้นสีนี้" อย่างเด็ดขาด) ซึ่งนอกจากสีแล้ว สิ่งที่แตกต่างกันออกไปสำหรับ One Series ทั้งสามรุ่นก็คือ Trek 1.1 เฟืองหลังมี 8 เกียร์, Trek1.2 มี 9 และ Trek1.5 มี 10 เกียร์ ชุดขับแตกต่างกันไปคนละเซตกรุ๊ปตามความประสงค์หรือเงินในกระเป๋า เฟรมเป็นอะลูมิเนียม 100 Series Alpha Aluminum ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความทนและความถูก ตะเกียบคาร์บอนซางอัลลอย Trek carbon road ขนาดตัวถังไล่เรียงตามความต่ำสูงของร่างกาย เช่น ขนาด47, 50, 52, 54, 56, 58, 60, 62cm ล้อ Alloy hubs w/Bontrager AT-750 alloy rims ยางBontrager T1, 700x25c มือตบเป็นเซต Shimano Claris STI, 8 speed สับจานหน้า Shimano Claris สับจานหลัง (ตีนผี)Shimano Claris จานหน้า 2 จาน 50/34 เป็นของVuelta Corsa เฟืองท้าย 8 สปีด 11-28 ของ Sun Race บันไดอัลลอย พร้อมครอบไนลอน อุปกรณ์ที่ใส่มาใน Trek 1.1 ส่วนใหญ่นิยมใช้คำพูดในกลุ่มร้านขายจักรยานว่าเป็นชุดเริ่มต้น เพียงพอต่อความต้องการของมือใหม่เพิ่งจะเริ่มต้นการหัดปั่นแบบหมอบ เฟืองหลังที่มีเพียงแค่ 8 สปีด เพียงพอต่อความต้องการ ไม่ได้มีเพื่อไว้ลงสนามแข่งทางไกล น้ำหนักรถ Trek 1.1 ค่อนข้างเบาไม่ถึง 10 กิโลกรัม เพราะใช้เฟรมอะลูมิเนียมเกรดดี แถมพกด้วยตะเกียบคาร์บอนเอาไว้คุยกับเพื่อนๆ ได้บ้าง ด้านราคา Trek 1.1 2014 เริ่มที่ 18,500 บาท โดยสามารถลดได้อีก 15% หากลองค้นหาดูในเวปร้านจักรยานที่จำหน่ายรถรุ่นนี้ หรือจะไปลองต่อราคาหน้าร้านกับเถ้าแก่เจ้าของช็อป คุณอาจจะได้ของแถมหรือส่วนลดแล้วแต่ความสามารถในการคุยต่อรองกันเอาเอง.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.thFacebook https://www.facebook.com/chang.arcom

วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Line Shop

Line Shopเปิดให้บริการมาได้ไม่กี่วัน พ่อค้าแม่ค้าก็เข้าไปจับจองพื้นที่กันอย่างสนุกสนาน แม่ค้ามือใหม่ที่โหลดแอพมาแล้วแต่ยังไม่รู้จะเปิดร้านบนไลน์ช๊อปยังไงไม่ต้องกังวลไป เพราะเราจะสอนทุกขั้นตอนการเปิดร้านบน Line Shop อย่างละเอียด อ่านจบแล้วเปิดร้านได้แน่นอน! (หากใครยังไม่ได้โหลดแอพสามารถเข้าไปโหลดได้จาก ข่าวนี้ ครับ )
 วิธีสมัครไอดี Line Shop
1.เมื่อเปิดแอพ Line Shop ขึ้นมา หน้าแรกจะเป็นข่าวสารล่าสุดจากไลน์ช็อป
ให้คลิกที่จุด 3 จุดมุมบนขวา เพื่อเข้าสู่ระบบ
Line Shop

2.เลือกเข้าสู่ระบบด้วย Line ในกรณีที่ใช้ไลน์อยู่แล้ว หรือเข้าสู่ระบบด้วยอีเมลในกรณีที่ยังไม่มีไอดี
02

3.เลือกอนุญาตเพื่อเริ่มเข้าสู่ระบบ
03

4.ตั้งชื่อบัญชีส่วนตัว (จุดนี้ไม่ใช่ชื่อของร้านค้า หากต้องการสร้างร้านค้าจะได้ตั้งชื่อร้านใหม่)
จากนั้นกดปุ่มยอมรับเงื่อนไขเพื่อเริ่มต้น
04

5.เมื่อล็อกอินเสร็จ แอพจะพาเรากลับมาที่หน้าแรกของ Line Shop
สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือกระดิ่งเตือน(Notification) และ แถบ ติดตามอยู่
05

6.แถบหมวดหมู่ ช่วยให้เราหาร้านที่เราต้องการหาสินค้าได้ง่ายขึ้น
06

7.แถบ “ติดตามอยู่” คล้ายกับปุ่ม Follow ใน Instagram
เพิ่มความสะดวกในการติดตามข่าวสารของร้านที่เราชื่นชอบ
07
+++
 วิธีเปิดร้านบน Line Shop อย่างละเอียด
1.หลังจากล็อกอินเสร็จแล้วให้แตะที่ปุ่ม 3 ปุ่มมุมขวาบน
แล้วเลือกคำสั่ง “เปิดร้านค้า”
08

2.เลือกรูปแบบร้านค้าที่ต้องการ
ถ้าเป็นบุคคลทั่วไป ไม่ได้มีหน้าร้านใหญ่โต หรือ เป็นแบรนดังให้เลือกแบบธรรมดา
101112

3.ตั้งชื่อร้านและใส่โคเวอร์ให้เรียบร้อย ชื่อร้านนี้จะแยกออกต่างหากกับชื่อไอดีของเรา
13

4.เลือกโทนสีของร้านที่ต้องการ
14

5.เลือกสีเสร็จแล้วก็กรอกอีเมล์และเบอร์โทรเอาไว้ให้ลูกค้าติดต่อเมื่อต้องการสั่งสินค้า
15

6.เพียงเท่านี้ ร้านค้าของเราก็เสร็จเรียบร้อย กด + ที่มุมขวาล่างเพื่อเพิ่มสินค้าได้เลย
16

7.แถบไทม์ไลน์สำหรับมีไว้สำหรับประกาศข่าวสารต่างๆของร้าน
17

8.รีวิว ถ้าลูกค้าใช้บริการแล้วชอบ/ไม่ชอบ เค้าสามารถเขียนรีวิวไว้ให้คนอื่นอ่านได้
ร้านไหนที่มีคนรีวิวเยอะๆ ได้ดาวมากๆก็แปลว่าน่าใช้บริการนั่นเอง
18

9.ในแถบ 3 เส้นด้านบนเราสามารถ เช็ค “รายการคำสั่งซื้อ” / ทำ “โปรโมชัน” ได้ที่นี่
19
20

10.เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หน้าร้านของเราจะมีหน้าตาแบบนี้
21

LINE Shop ช็อปกระจาย ขายกระจุยผ่านแอป

 LINE Shop ช็อปกระจาย ขายกระจุยผ่านแอป



lineshop1
LINE ขยายตลาดจากการเป็นแพล็ตฟอร์มการแชตและช่องทางขายดีลด้วยการเปิดตัว LINE Shop พื้นที่สำหรับร้านค้าเพื่อเป็นศูนย์กลางให้กับทั้งคนอยากซื้อและคนอยากขายได้เข้ามาในที่เดียวกัน
วันนี้ทาง LINE Official Account ได้ประกาศเปิดตัว LINE Shop แอปพลิเคชันสำหรับซื้อขายสินค้าที่อาศัยแพล็ตฟอร์มตัวเองครั้งแรกในประเทศไทย โดยเปิดโอกาสให้ใครก็ตามที่สนใจได้เข้ามาซื้อมาขายกันได้สะดวกสบายบนหน้าจอมือถือและแท็บเล็ต
IMG_7808IMG_7809IMG_7810
รูปแบบของการซื้อขายสินค้านั้นก็เหมือนเป็นมอลล์ร้านค้าใน LINE คล้ายกับเว็บ e-commerce ทั่วๆ ไป นั่นคือเราสามารถที่จะหาร้านค้าหรือจากหมวดหมู่ที่เราต้องการได้ รวมไปถึงกดติดตามความเคลื่อนไหวของร้านค้านั้นเมื่อมีสินค้าหรือข่าวสารใหม่ๆ แจ้งเข้ามา
IMG_7816IMG_7817 
ข้อดีส่วนหนึ่งคือการนำระบบการพูดคุยที่เป็นแกนหลักของ LINE อยู่แล้วมาเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อของ โดยเราสามารถที่จะพูดคุยหรือส่งข้อความไปยังเจ้าของร้านเพื่อสอบถามสินค้าได้ก่อนจะซื้อสินค้านั้นๆ ซึ่งการเปิดร้านบน Facebook และการเปิด(ฝาก) ร้านผ่าน Instagram ไม่สามารถทำได้อย่างสะดวกนัก และในหน้าจอแชทก็จะมีการแจ้งสินค้าที่เราต้องการและสนใจอย่างชัดเจน ซึ่งสร้างความสะดวกและสร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายได้ง่าย
IMG_7814IMG_7815
ในส่วนของการเปิดร้านก็จะมี 2 แบบคือ เปิดร้านธรรมดา และ เปิดร้านที่ได้รับการรับรอง (verified shop) ความต่างของสองร้านนี้คือ ร้านธรรมดา สามารถเปิดได้เลย ส่วนร้านค้าที่ได้รับการรับรองจะต้องนำส่งเอกสารเพิ่มเติมให้กับทาง LINE เพื่อเป็นการยืนยันตัวตน โดยทั้งคู่ สามารถเปิดได้แบบฟรีๆ
ใครสนใจอยากลองหาสินค้าจากร้านค้าหรืออยากทดลองนำของมาขาย สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอปมาใช้ได้แบบฟรีๆ ได้แล้ววันนี้ ที่ App Storeและ Google Play

การสมัครขายภาพออนไลน์ที่ 123RF (2)

การสมัครขายภาพออนไลน์ที่ 123RF (Part 2)

ผมห่างหายจากการอัพเดทบล็อกไปเป็นเดือนเลย ช่วงนี้เริ่มพอมีเวลาแล้วครับ จะลุยเขียนบล็อกให้เต็มที่เลย ต้องอัพเดทบล็อกกันหน่อย เดี๋ยวแฟนๆ ของบล็อกนี้หนีหายกันหมด 555+

หลังจากที่ได้ผ่านการลงทะเบียนในบล็อกที่แล้ว "การสมัครขายภาพออนไลน์ที่ 123RF - Part 1" เราก็มี Username และ Password เอาไว้เข้าสู่ระบบจัดการของเว็บ 123RFเรียบร้อยแล้ว ในบล็อกนี้ก็จะพูดถึงขั้นตอนการแก้ไขข้อมูลส่วนตัว การส่งข้อมูล หนังสือเดินทาง (Passport) และการส่งรูปขึ้นไปขายออนไลน์ครับ

รูปที่ 1 - หน้า Login
 
เมื่อ Login เข้าระบบแล้วก็จะเข้าสู่หน้า "My Account" ซึ่งหน้าตาของหน้าเว็บได้มีการปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากเมื่อเดือนที่แล้วครับ ดังรูปที่ 2 และเมนูด้านบนก็ปรับหน้าตาใหม่ ดังรูปที่ 3
 
รูปที่ 2 - หน้า My Account แบบใหม่


รูปที่ 3 - เมนูทางด้านขวาบนแบบใหม่

ก่อนจะไปส่งรูปขายออนไลน์ เรามาเริ่มโดยการใส่รูปโปรไฟล์ของเรากันก่อน (เพื่อแสดงตัวเราให้โลกรู้ 55) โดยกดเข้าไปที่ลิงค์ "Update Your Profile" ก็จะเข้าสู่หน้า "Account Settings" แล้วกด Edit ในส่วน Profile Photo ดังรูปที่ 4

รูปที่ 4 - หน้า My Profile เพื่อใส่รูปโปรไฟล์

รูปโปรไฟล์ที่จะใส่ต้องเป็นไฟล์ JPEG (*.jpg) เท่านั้นน่ะครับ และมีขนาดไม่เกิน 48x48 pixels แต่ถ้าอัพโหลดรูปที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ไป อย่ากังวล เดี๋ยวทางเว็บจะปรับขนาดให้ (แปลกันโต้งๆเลยผม 555+) นอกจากนั้นถ้าท่านต้องการเปลี่ยนรหัสผ่านก็สามารถคลิ๊กลิงค์ Edit ในส่วน Password ได้เลยครับ (รูปที่ 5)


รูปที่ 5 - หน้า My Profile เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่าน

จากนั้นเราก็ไปดำเนินการส่งเอกสารยืนยันตัวตนกันต่อเลยครับ ซึ่งทางเว็บ 123RFกำหนดเอกสารที่สามารถส่งไปยืนยันตัวตนดังนี้

 - Driver's licenses
 - Passports
 - Identity cards
 - Any Government Issued Identification papers with your Name and Date of birth.

สำหรับผมแล้วก็แนะนำให้ใช้ Passport จะดีกว่า หรือถ้าท่านใดมีเอกสารอื่นอยากลองส่งดูก็ได้น่ะครับ เช่น ใบขับขี่สากล หรือบัตรประชาชน ถ้าเอกสารไหนไม่ผ่านการพิจารณาทาง 123RF ก็จะแจ้งกลับมาให้ส่งใหม่ครับ ^^

การยื่นเอกสารยืนยันตัว ให้คลิ๊กที่ลิงค์ "Update Your Profile" เพื่อเข้าไปที่หน้า "My Profile" จากนั้นก็ให้เลือกหัวข้อ "Personal Information" แล้วจะเห็นหัวข้อ "Photographer Details (Photographers only)" แล้วให้คลิ๊ก Edit เพื่อเข้าสู่การแก้ไขข้อมูล (รูปที่ 6)


รูปที่ 6 - หน้า My Profile ในส่วน Photographer Details (Photographers only)

ในหน้านี้ (รูปที่ 6) จะสามารถแก้ไขช่องทางการจ่ายเงินให้กับช่างภาพและแก้ไขยอดรายได้เมื่อเราทำเงินถึงเป้านี้แล้วทางเว็บ 123RF ก็จะโอนให้ช่างภาพต่อไป แต่เราเข้ามาหน้านี้เพื่อส่งเอกสารยืนยันตัวเองกันก่อน โดยลิงค์เข้าไปตามหัวข้อนี้ "You have submitted your ID for payment verification. To resubmit, click here." (ถ้าเป็นการส่งเอกสารครั้งแรกจะมีข้อความแจ้งอีกแบบน่ะครับ) ก็จะเข้าสู่หน้าอัพโหลดเอกสาร (รูปที่ 7)

รูปที่ 7 - หน้า Upload ID

รูปของเอกสารที่จะส่งไป สามารถใช้กล้องถ่ายภาพถ่ายรูปของเอกสาร เช่น ถ้าเป็นหนังสือเดินทางก็ถ่ายหน้าที่มีรูปเราอยู่ หรือจะใช้วิธีสแกนก็ได้ (ต้องเป็นไฟล์ JPEG) ขนาดไฟล์ก็ไม่ต้องละเอียดอะไรมากมาย เอาพอให้เจ้าหน้าที่ 123RF เห็นรูป และดูชื่อจริง วันเกิด ของเราได้ก็พอครับ (ของผมส่งไปขนาด 1500x1000 pixels)

Note: ในส่วนการส่งเอกสารยืนยันตัวตนสามารถข้ามไปก่อนได้ แล้วค่อยย้อนกลับมาทำทีหลังก็ได้ครับ

เมื่อส่งรูปไปเสร็จแล้ว ก็ปล่อยทิ้งไว้ได้เลย เดี๋ยวทางเว็บก็จะแจ้งมาเองว่าผ่านหรือไม่ผ่าน สำหรับเราแล้วก็ดำเนินการส่งรูปไปสอบก่อนได้เลยครับ ก่อนจะไปส่งรูปขาย ในส่วนหน้า "My Profile" ก็จะมีอีกส่วนคือ "Personal Information" เอาไว้สำหรับแก้ไขข้อมูลของเราเอง เผื่อว่ามีการเปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนชือ ก็สามารถเข้ามาแก้ไขได้ในส่วนนี้ครับ (รูปที่ 8)

รูปที่ 8 - หน้า My Profile ในส่วน Personal Information

ถัดมาก็มาถึงเวลาส่งรูปไปขายแล้วหล่ะครับ สำหรับท่านที่กำลังส่งรูปขายครั้งแรกคงตื่นเต้นไม่น้อย (เหมือนผมในช่วงแรกๆเลย 55) ดังนั้นผมจะพาท่านไปรออยู่ที่หน้าส่งรูปขายกันก่อนน่ะครับ แล้วค่อยมาบอกรายละเอียด :D

ให้เลื่อนหน้าเว็บของ 123RF ลงไปด้านล่างสุดน่ะครับ จะเจอกลุ่มลิงค์มากมายให้สังเกตุหัวข้อ "For Photographers" ดังรูปที่ 9


รูปที่ 9 - กลุ่มลิงค์สำหรับช่างภาพโดยเฉพาะ

เรากำลังจะเริ่มส่งรูปขาย ก็เริ่มด้วยลิงค์ Upload ก่อนเลยครับ (ลิงค์อื่นๆค่อยกลับมาอธิบายทีหลัง) แล้วก็จะเข้าสูหน้า "Upload" (รูปที่ 10)

รูปที่ 10 - หน้า Upload

Note: แต่สำหรับช่างภาพที่กำลังจะส่งขายภาพครั้งแรก อาจจะมีหน้าเว็บแสดงผลต่างจากของผมไปหน่อยน่ะครับ โดยอาจจะมีหน้า "123RF.com Content Contributor Agreement" ขึ้นมาให้อ่านเพื่อทำความเข้าใจกันก่อน ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ capture หน้านั้นเก็บไว้ครับ เลยไม่มีมาแสดงให้ดู และอีกอย่างนึง เว็บไมโครสต๊อกเกือบทุกเว็บก็จะมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาเว็บอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นบางเว็บผมอุตส่าห์ capture หน้านั้นไว้ เมื่อเวลาผ่านไป หน้าเว็บนั้นก็ถูกเปลี่ยนไป ผมก็เลยไม่สามารถเอาหน้านั้นมาเป็นตัวอย่างได้ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับผม ^^

สำหรับในหน้า "Upload" นี้ จะมีให้เลือกก่อนว่าเราจะส่งอะไรไปขาย ก็จะมีส่งรูปถ่าย (Photos) ส่งภาพเวกเตอร์ (Illustrations) ส่งภาพแนวภาพข่าว (Editorial) และส่งวิดีโอ (Footage) ซึ่งการส่งวิดีโอขายที่เว็บ 123RF นี้ ก็เพิ่งจะมีเพิ่มเข้ามาไม่กี่เดือนนี่เอง ทำให้หนังสือที่เขียนเกี่ยวกับไมโครสต๊อกที่ออกก่อนหน้านี้ แทบจะอัพเดทไม่ทันความเปลี่ยนแปลงนี้ ดังนั้นท่านใดเวลาเข้าเว็บตามคำแนะนำในหนังสือหรือในเว็บผมแล้วมันไม่เหมือนกับที่เขียนไว้บ้าง ก็ไม่ต้องแปลกใจน่ะครับ (ออกตัวไว้ก่อนที่จะโดนบ่น 555+)

เราก็เลือก Photos (JPG) แล้วก็กดปุ่ม "Continue >>" แล้วก็จะเข้าไปสู่หน้า "Upload - Stock Photo" เพื่อที่จะเลือกวิธีการอัพโหลดรูปขึ้นเว็บ 123RF (รูปที่ 11) สำหรับการส่งรูปครั้งแรก ผมก็แนะนำแบบ Web Form Uploader จะง่ายดีครับ (ผมเองก็ใช้วิธีนี้เป็นหลัก)


รูปที่ 11 - หน้า Upload - Stock Photo เพื่อเลือกวิธีการอัพโหลด

เมื่อกดเลือก Web Form Uploader ไปแล้ว บางครั้งอาจจะมีหน้านึงแสดงขึ้นมา โดยให้เรากรอกรหัส 6 หลักก่อน เราก็กรอกรหัสที่เห็นนั้นแล้วก็กด Submit จากนั้นก็จะเข้าสู่หน้า "Upload - Stock Photo" (รูปที่ 13) เพื่อเลือกไฟล์รูปแล้วส่งขึ้นเว็บ 123RF ต่อไป

รูปที่ 12 - หน้าให้กรอกรหัส 6 หลัก

รูปที่ 13 - หน้า Upload - Stock Photo เพื่อเลือกไฟล์รูป

มาถึงขั้นนี้ ท่านผู้อ่านที่มีความประสงค์ขายรูปออนไลน์ คงมีรูปพร้อมส่งขายแล้วใช่มั้ยครับ? แต่ถ้ายังไม่ได้เลือกเอาไว้ก่อน ทางเว็บ 123RF ก็ยังมีแนวทางการเตรียมรูปสำหรับเว็บนี้ดังนี้ครับ

 - รูปภาพ ต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 6 ล้านพิกเซล โดยดูตามขนาด "กว้างxสูง" ของรูป แล้วเมื่อนำสองค่ามาคูณกันแล้ว ก็ต้องมีค่ามากว่า 6 ล้าน เช่น ขนาดของรูป กว้าง 3,072 พิกเซล สูง 2,048 พิกเซล คูณแล้วคือ 6,291,456 ก็เกิน 6 ล้านพิกเซล รูปนี้ก็ผ่านเกณฑ์ของหัวข้อนี้ครับ
 - รูปภาพ ต้องเป็นไฟล์ JPEG เท่านั้นและกำหนดการบีบอัดขนาดรูปไม่ต่ำกว่า 80% (รูปผมส่วนใหญ่กำหนดบีบอัดไว้ 100% เสมอครับ)
 - รูปภาพ ต้องไม่มีชื่อบริษัท ชื่อสินค้า วันที่ ยี่ห้อหรือโลโก้ต่างๆ
 - รูปภาพ ต้องมีขนาดไฟล์ไม่เกิน 20MB
 - ต้องไม่ใส่ชื่อเฉพาะที่มีลิขสิทธิ์ลงใน Keyword (หัวข้อนี้ผมยังไม่ค่อยเคลียร์แต่คิดว่าคงคำประมาณ doraemon อะไรทำนองนี้)

แนวทางนี่เป็นแค่กฎเกณฑ์พื้นฐานน่ะครับ ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในหัวข้อ "การเตรียมตัวสำหรับส่งรูปขายออนไลน์ Part 1", "การเตรียมตัวสำหรับส่งรูปขายออนไลน์ Part 2" และ "การใส่ข้อมูล Title, Description และ Keywords ลงในภาพถ่าย"

เมื่อรูปถ่ายพร้อมแล้ว และถ้าให้ดีก็ควรใส่ Title, Description และ Keywords ลงในภาพให้เรียบร้อยก่อนน่ะครับ (ถ้ายังไม่ได้ใส่ ก็สามารถไปใส่รายละเอียดพวกนี้ได้อีกทีหลังจากอัพโหลดรูปขึ้นเว็บไปแล้ว)

ปกติเว็บ 123RF จะมีช่องให้เลือกไฟล์ภาพได้ครั้งละ 3 ภาพ แต่ท่านใดอยากส่งมากกว่านี้ ก็เลือกจำนวนรูปที่จะอัพโหลดได้น่ะครับ (สูงสุดต่อรอบคือ 10 รูป) แล้วก็ไปคลิ๊กเลือกตรงช่อง "I hereby warrant that the photos / illustrations that I am submitting to be sold under Commercial Royalty Free license..." เพื่อยินยอมการส่งรูปไปขายในเงื่อนไขที่เว็บ 123RF กำหนด

สำหรับอีกช่องด้านล่างสุดคือ "If my submissions are unfit for RF, I agree to allow them to be accepted into the Editorial Section provided they are deemed to be newsworthy." ช่องนี้จะคลิ๊กเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ครับ เท่าที่ผมอ่านแล้วเข้าใจเองน่ะ ประมาณว่าถ้าท่านคลิ๊กเลือกในหัวข้อด่านล่างอันนี้แล้ว จะเป็นการยินยอมว่าถ้ารูปภาพของเราไม่ผ่านการพิจารณา ทางเว็บ 123RF ก็จะนำภาพเราไปไว้ในส่วน Editorial แทน โดยบางเว็บกรณีนี้รูปของเรามีแสดงให้เห็นออนไลน์ก็จริง แต่เป็นภาพแนวแจกฟรีครับ เราก็ไม่มีรายได้ใดๆ จากรูปนั้น แต่ที่ 123RF นี้ผมไม่แน่ใจว่านำรูปไปแจกฟรีหรือเปล่า แต่จะเหมาะสำหรับการแนะนำตัวช่างภาพอีกแบบหนึ่งครับ ถึงแจกฟรี อย่างน้อยๆ ลูกค้าประเภทชอบของฟรีก็จะรู้จักผลงานของเรามากขึ้น และอาจติดใจผลงานกลับมาซื้อของไม่ฟรีของเราก็เป็นไปได้ (แต่ผมไม่คลิ๊กเลือกน่ะ 555+)

รูปที่ 14 - หน้า Upload Results

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็กด "Upload!" ได้เลยครับ แล้วก็นั่งรอไฟล์อัพโหลดในหน้านี้ไปอีกพักใหญ่ (ยิ่งเลือกส่ง 10 รูปก็ยิ่งรอนาน ^^) และเมื่ออัพโหลดเสร็จก็จะเข้าสู่หน้า "Upload Results" (รูปที่ 14) ซึ่งจะแสดงรูปภาพที่เราอัพโหลดขึ้นไปให้เห็น ถ้ารูปไหนไม่ผ่านเกณฑ์ทางเว็บก็จะแจ้งชื่อไฟล์ที่ error ให้ทราบ แต่ถ้ารูปไหนผ่าน หน้านี้ก็จะเป็นขั้นตอนการกรอกรายละเอียดของรูป ถ้าท่านใดยังไม่ได้ฝังรายละเอียดไว้ก่อน ขั้นตอนนี้ก็ต้องมีงานหนักรออยู่ครับ แต่ถ้าฝังข้อมูลลงในรูปมาแล้ว ก็สบายเลยครับ ก็แค่กด "Save" ผ่านขั้นตอนนี้ไปเลย


รูปที่ 15 - หน้า Uploaded Images

จากรูปที่ 15 เป็นหน้าสรุปรูปที่ถูกอัพโหลดไปแล้วประจำวัน โดยรูปที่รอการอนุมัติก็จะขึ้นสถานะว่า "Pending" แต่ถ้ารูปไหนไม่ผ่านการพิจารณา ก็จะแสดงคำว่า "Rejected" แล้วถ้ารูปไหนผ่านก็จะแสดงว่า "Accepted" ซึ่งรอซักครึ่งวันหรือหนึ่งวัน รูปที่อนุมัติแล้วถึงจะไปแสดงใน Portfolio ของเรา การไปดู Portfolio สามารถคลิ๊กดูได้ผ่านลิงค์ด้านล่างสุดของหน้าเว้บที่ชื่อ "Profile & Portfolio" ดูตัวอย่าง Portfolio ของผมดังรูป 16

รูปที่ 16 - หน้า Portfolio ของผม (foto76)

เว็บ 123RF ยังมีอีกหลายส่วนน่ะครับผมขออธิบายในโอกาสหน้าน่ะครับ สำหรับการแนะนำการสมัครขายรูปเบื้องต้นที่เว็บ 123RF ในสองตอนที่ผ่านมา คงพอเป็นแนวทางให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ช่างภาพที่อยากทดลองส่งรูปขายออนไลน์ไม่มากก็น้อยน่ะครับ ^^